วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

New Year

Happiness Depends on More than YearsHappiness depends on more than years.All one’s moments gather to a wavePassing in a rolling swell of tears,Passions too immense to name or save.Yet New Year’s is a crest on which to sing,Now poised between the future and the past.Each awaits what course the fates may bring,Winds that never touch the things that last.Years turn and turn with an hypnotic graceEven as the depths of life lie still.Although above one cannot silence face,Remember that below the divers will.


Happy New Year To You
Happy New Year to you!May every great new dayBring you sweet surprises–A happiness buffet.
Happy New Year to you,And when the new year?s done,May the next year be even better,Full of pleasure, joy and fun.

วันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553

10 วิธีบอกรักพ่อ

10 วิธี บอกรักพ่อ แบบอินเทรนด์
1. กราบแทบเท้า กอดพ่อบอกพ่อว่า "เรารักพ่อมากที่สุดในโลก เราภูมิใจและดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ"
2. ส่งการ์ดอวยพรวันพ่อ / โทรศัพท์หรือส่งของขวัญพิเศษไปให้พ่อ หากอยู่ห่างไกล และไม่สะดวกไปหาด้วยตนเอง
3. หากอยู่คนละบ้านและมีครอบครัวใหม่แล้ว ควรพาลูก - ภรรยาไปกราบคารวะพ่อที่บ้าน พร้อมหาของขวัญ เช่น เสื้อผ้า ดอกไม้ ของกินของใช้ ไปให้พ่อ หรือพาพ่อออกไปหาอาหารพิเศษรับประทาน
4. พาพ่อไปนวดตัว นวดเท้า เพื่อสุขภาพ หรือพาไปเข้าคอร์สสุขภาพในต่างจังหวัดที่อากาศดีๆ
5. พาไปทำบุญทำทานที่วัดหรือให้ไปทัวร์มหากุศลต่างๆ เช่น ทัวร์ 9 วัดมงคล เป็นต้น
6. พาไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศหากสุขภาพพ่อแข็งแรงพอ และเป็นสถานที่ที่พ่ออยากไป
7. ซื้อคอมพิวเตอร์ให้พ่อ พร้อมสอนให้ใช้เพื่อความเพลิดเพลิน เช่น ส่งเมล์โต้ตอบกับหลานๆ หรือเพื่อนๆ ทางอินเทอร์เน็ต เล่นเกม หรือเปิดหาความรู้ต่างๆ
8. ซื้อหนังสือประเภทที่พ่อชอบอ่านให้ พร้อมตัดแว่นตาให้ใหม่หรือพาไปเลสิกสายตา
9. สอบถามหรือสืบถามความปรารถนาของพ่อว่าอะไรที่พ่ออยากทำ และยังไม่ได้ทำ แล้วพยายามจัดหาให้ เช่น อยากเรียนดนตรี แต่ยังไม่เคยมีโอกาสในสมัยเด็กๆ หรือหนุ่มๆ ก็พาพ่อไปสมัครเรียนและให้กำลังใจ เป็นต้น
10. หากพ่อถึงแก่กรรมไปแล้ว ก็อย่าลืมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่อ หรือไปเลี้ยงคนชรา พระภิกษุป่วย เพื่อส่งผลบุญให้แก่พ่อ

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เทคนิคในการสอบสัมภาษณ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัย

คิดว่าคงมีหลายคนแล้วที่ทราบผลการคัดเลือกในการสอบตรงบางมหาวิทยาลัยแล้ว และที่สำคัญจะต้องไปสอบสัมภาษณ์ เพื่อทราบผลครั้งสุดท้าย ดังนั้นสิ่งที่นักเรียนควรจะศึกษาเป็นอย่างยิ่งก็คือการเตรียมตัวเพื่อการสอบสัมภาษณ์และเทคนิคการสอบสัมภาษณ์ เราเดินทางมาใกล้ถึงฝั่งแล้ว จะยอมแพ้ได้ง่ายๆ หรือ จริงไหมคะทีนี้มาลองศึกษาเทคนิคการสอบสัมภาษณ์ ด้วยกันนะคะเทคนิคการสอบสัมภาษณ์มีดังนี้ค่ะ1.การเตรียมตัวก่อนวันไปสัมภาษณ์- เตรียมเอกสารส่วนตัวให้เรียบร้อย จัดลงในแฟ้มสะสมผลงาน หรือ PORTFOLIO ให้เป็นระบบ ตัวอย่างเอกสาร เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการเรียน ผลการเรียน การร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน การประกวดแข่งขัน ผลงานและรางวัลต่าง ๆ รูปภาพ ฯลฯ- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาวิชาที่สมัครเข้าศึกษา รวมทั้งติดตามข่าวสารความรู้ทั่วไปในปัจจุบัน- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ไปสัมภาษณ์ การเดินทาง ระยะทาง ตึก-ห้องที่จะสัมภาษณ์ ควรจะเผื่อรถติดด้วย- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรงดการรับประทานอาหารรสจัด- อย่าลืมเตรียมปากกาไปด้วย2. วันสอบสัมภาษณ์- แต่งกายเครื่องแบบนักเรียนที่สะอาด เรียบร้อย นักเรียนชายผมสั้น นักเรียนหญิงถ้าผมยาวให้รวบผมติดกิ๊บให้เรียบร้อย ไม่แต่งหน้า ไม่ใส่น้ำหอม และไม่ใส่เครื่องประดับใดๆ นอกจากนาฬิกา- รับประทานอาหารเช้า ทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย- ไปถึงห้องสอบก่อนเวลาไม่น้อยกว่า 15 นาที เข้าห้องน้ำ นั่งรอหน้าห้องด้วยความสบายใจ ไม่คุยเสียงดัง ไม่เล่น ให้นั่งรอเรียกชื่อด้วยความสงบ ถ้าตื่นเต้นให้หายใจยาวๆ - ปิดโทรศัพท์มือถือ3. การเข้ารับการสัมภาษณ์- เมื่อถูกเรียกชื่อให้เดินไปด้วยอาการสงบ ไม่ต้องตื่นเต้นมาก คิดว่า “เราทำได้”- ถ้ามีประตูให้เคาะประตูก่อน ถ้าไม่มี ให้เดินไปที่หน้าโต๊ะกรรมการสัมภาษณ์ และไหว้ด้วยท่าทีที่อ่อนน้อม กรณีที่มีผู้สัมภาษณ์หลายคนให้ทำความเคารพครั้งเดียว โดยยืนตำแหน่งตรงกลางหน้าโต๊ะกรรมการ- นั่งลงเมื่อกรรมการบอกให้นั่ง พร้อมทั้งกล่าวคำขอบคุณ ให้นั่งด้วยท่าทีที่สุภาพ ไม่นั่งไขว่ห้าง กระดิกขา หรือโยกตัว ให้ประสานมือไว้ข้างหน้า สบตาผู้สัมภาษณ์ (ไม่จ้องตานะคะ) - ตอบคำถามด้วยความมั่นใจ มีน้ำเสียงที่ดังพอสมควรไม่ค่อยเกินไป - ภาษาที่ใช้ควรจะเป็นภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่พูดภาษาไทยคำอังกฤษคำ ไม่ใช้ศัพท์เฉพาะของวัยรุ่น ควรจะลงท้าย “ค่ะ ครับ” ทุกครั้งที่ตอบคำถาม- การแสดงความคิดเห็นควรจะเน้นความมีเหตุผล ไม่มีอคติหรือตอบในแง่ลบ- ไม่ถ่อมตนจนเกินไป ไม่คุยโอ้อวดหรือแสดงความมั่นใจจนเกินไป นอกจากเป็นคำถามที่ตนเองมีความชำนาญเฉพาะด้าน เช่น มีทักษะด้านหุ่นยนต์ หรือ ดนตรีไทย ก็สามารถอธิบายได้ด้วยความมั่นใจ- คำถามบางคำถามอาจจะตอบไม่ได้ ไม่ต้องตกใจ ให้บอกว่าไม่ทราบ แล้วจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติม (แต่ไม่ใช่ไม่ทราบทุกคำถามนะคะ)4. การยุติการสัมภาษณ์- เมื่อสิ้นสุดการสัมภาษณ์ให้ทำความเคารพกรรมการผู้สัมภาษณ์ด้วยท่าทีที่อ้อนน้อม เป็นอันเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ค่ะ คราวนี้ก็รอลุ้นการประกาศรายชื่อนะคะ5. คำถามหรือคำพูดที่มักจะพบในการสอบสัมภาษณ์- ไหนลองแนะนำตัวหน่อยสิครับ - ทำไมถึงเลือกเรียน สาขาวิชา คณะ และมหาวิทยาลัยนี้- ทราบไหมว่าสาขาวิชานี้เรียนเกี่ยวกับอะไร- คิดว่าสาขาวิชาที่เลือกเมื่อจบแล้วจะประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง- คิดว่าตนเองเหมาะสมกับสาขาวิชานี้อย่างไร- บางท่านอาจจะถามข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดที่เราอยู่ เช่น ชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด คำขวัญของจังหวัด จุดเด่นของจังหวัด ฯลฯ- ชอบ/ไม่ชอบวิชาอะไร- อนาคตอยากจะประกอบอาชีพอะไร- ให้พูดถึงข้อดี/ข้อเสียของตนเอง- ถ้าเป็นสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับภาษา หรือแผนการเรียนที่นักเรียนเรียนจบมา อาจจะมีการสัมภาษณ์เป็นภาษานั้น หรือ ให้พูดภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส หรือ เยอรมัน ให้ฟัง เป็นต้น- บางครั้งอาจจะมีคำถามยั่วยุ หรือสบประมาท ให้ตอบคำถามด้วยความใจเย็น และมีเหตุผล และที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าสถานะการณ์การสัมภาษณ์จะกดดันความรู้สึกอย่างไรก็ขอให้นักเรียนยิ้มไว้เป็นดีที่สุดค่ะหวังว่าคงสร้างความมั่นใจในการสอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยนะคะ

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

10วิธีพูดเพื่อให้กำลังใจผู้อื่น^^

ท่านอาจารย์แคตลีน แบรนนอน (Kathleen Brannon) ตีพิมพ์เรื่อง '10 Things to say (and 10 not to say) to someone with depression'
แปลว่า "10 เรื่องที่ควรพูด (และ 10 ที่ไม่ควรพูด) กับคนที่ซึมเศร้า (เศร้าสร้อย-หงอย-เซง)" ในนิตยสาร 'Health (= สุขภาพ)' ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
[ DepressionAlliance ] & [ Health ]
...
10 น้ำคำที่ทำ ความแช่มชื่นใจ เป็นถ้อยคำที่บ่งบอกถึงเมตตากรุณาต่อคนที่กำลังเศร้าสร้อย-หงอย-เซง ซึ่งขอคัดต้นฉบับภาษาอังกฤษมาด้วย เพื่อจะเรียนภาษาอังกฤษไปพร้อมๆ กันได้แก่
...
(1). You're not alone in this.
= คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง (alone = โดดเดี่ยว เดียวดาย อยู่ตามลำพัง) เช่น เราเป็นเพื่อนกัน เป็นพี่น้องกัน เป็นญาติกัน ฯลฯ อะไรทำนองนี้
...
(2). You are important to me. = คุณเป็นคนสำคัญของผม (ดิฉัน; important = ซึ่งมีความสำคัญ)
กล่าวกันว่า คนเรานั้นที่จะไม่มีคนรักเลย และไม่เป็นที่รัก (ของคนอื่น) เลยนั้นไม่มี, คนที่รักเราแน่ คือ คุณแม่คุณพ่อ หรือถ้าเกิดมากำพร้าจริงๆ ก็ควรหัดรักตัวเอง เมตตากรุณาตัวเองให้ได้
...
เพราะอย่างน้อย ตัวเราควรเป็น "คนพิเศษ" ของตัวเราเองให้ได้ หรือไม่ก็ทำตัวเราให้มีค่าขึ้นมา เช่น มีเลือดที่บริจาคได้ก็บริจาคเป็นประจำ บริจาคอวัยวะ ฯลฯ
...
(3). Do you want a hug? = คุณต้องการให้กอดไหม? (hug = กอด)
บล็อกของเราไม่สนับสนุนให้ไปเที่ยวกอดใคร หรือให้ใครกอด ทว่า... ถ้าเราไปในที่อันสมควรแล้วน่าจะทำได้
...
ท่านอาจารย์สุเทพ โพธิสัทธา แนะำให้แจกกอดได้ในที่อันควร เช่น รวมกลุ่มกันไปทำบุญ เลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วแจกกอดเด็กๆ ฯลฯ
วิธีหนึ่งที่น่าจะดี คือ พาน้องหมาน้องแมวไปด้วย (ขอพันธุ์ที่ใจดีหน่อย เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ฯลฯ ไม่ใช่พันธุ์ดุประเภทให้กอดแล้วกัดเลย) แล้วให้คนที่กำลังเศร้ากอด ซึ่งโรงพยาบาล-สปาสุขภาพน่าจะมีบริการนี้
...
(4). You are not going mad. = คุณไม่ได้บ้า (mad = ซึ่งเป็นบ้า)
คน เราไม่ได้เกิดมาเหมือนกันทุกอย่าง เราเป็นเช่นที่เราเป็น ขอเป็นแบบนี้ คือ 'Be good, Be you' = "ขอให้เป็นคนดี และเป็นเช่นที่คุณเป็น"
...
(5). We are not on this earth to see through one another, but to see one another through.
= เราไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพื่อที่จะรู้เท่าทันคนอื่นไปเสียหมดทุกอย่าง แต่อยู่เพื่อที่จะเข้าใจ หรือรู้จักคนบางคนได้ดีขึ้น (ก็เท่านั้นเอง...) ; see through = รู้เท่ารู้ทันคนอื่น เช่น คนเจ้าเล่ห์ คนลวงโลก ฯลฯ, เข้าใจ, ช่วยเหลือ
[ thefreedictionary ] ; [ longdo ]
...
ข้อนี้คล้ายๆ กับว่า ชีวิตจริง... คนเราก็คงจะเคยเสียท่า หรือถูกหลอกกันแล้วทั้งนั้น มากบ้างน้อยมาก
ไม่ควรหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากเกินไป ขอให้ถือว่า เป็นบทเรียน... ที่จะทำให้เราเข้าใจโลก หรือเข้าใจคนบางคนมากขึ้น ต่อไปจะได้ไม่เสียท่าอีก
...
(6). When all this is over, I'll still be here and so will you.
= เมื่อเรื่องร้ายๆ นี้ผ่านไป, เรายังคบกันได้นะ (หรือไม่ทิ้งกันอะไรทำนองนี้; over = มากเกินไป ผ่านพ้นไป)
...
(7). I can't really understand what you are feeling, but I can offer my compassion.
= ผม (ดิฉัน) คงไม่อาจจะเข้าใจความรู้สึกของคุณได้อย่างแท้จริง, แต่ก็เห็นใจคุณนะ (understand = เข้าใจ; feel = รู้สึก; feeling = ความรู้สึก; offer = ให้; compassion = ความเห็นใจ)
...
(8). I'm not going to leave you or abandon you.
= ผม (ดิฉัน) จะไม่ไปจาก (leave = ไปจาก) หรือทอดทิ้ง (abandon = ทอดทิ้ง; ขอให้สังเกตว่า คำนี้ออกเสียงคล้ายๆ กับคำว่า 'ban' หรือ "แบน" และมีความหมายคล้ายกันด้วย; ban = ห้าม คำสั่งห้าม)
...
(9). I love you. (Say this only if you mean it.) = ผม (ดิฉัน) รักคุณ (พูดแบบนี้ได้เฉพาะเมื่อมีใจให้กันจริงๆ หรือความหมา่ยเช่นนั้น; mean = มีความหมายว่า) ไม่ใช่พูดไปเรื่อย
เพราะคำนี้จะมีค่า มีความหมาย... เฉพาะเมื่อพูดออกมาจากใจ มิใช่ลวงโลก
...
(10). I'm sorry that you're in so much pain. I am not going to leave you. I am going to take care of myself, so you don't need to worry that your pain might hurt me.
= ผม (ดิฉัน) รู้สึกเสียใจที่คุณชอกช้ำ (หรือเจ็บปวดมาก), ไม่ได้คิดจะไปจากคุณ. ผม (ดิฉัน) ดูแลตัวเองได้ และไม่คิดว่า ความเจ็บปวดของคุณจะทำร้ายผม (ดิฉัน)
...
เรื่องของเรื่อง คือ ความกรุณา (ปรารถนาให้คนอื่นพ้นทุกข์ บรรเทาทุกข์) กับความโทมนัส (ซึม-เศร้าสร้อย-หงอย-เซง-หงุดหงิด-ไม่แช่มชื่น) เป็นศัตรูใกล้กัน
ตัวอย่างเช่น การไปเยี่ยมไข้คนอื่นอาจทำให้เราพลอยไม่สบายใจไปด้วย (โทมนัส) ทั้งๆ ที่ก่อนไปก็ปรารถนาจะไปเยี่ยมไข้ด้วยกรุณา
...
คนที่กำลังบาด เจ็บทางใจหรือไม่สบายหลายๆ คนจะหลบหนีไปอยู่ีเพียงลำพัง... คนบางคนอาจจะรู้สึกไม่ดีที่ความไม่สบายของเขาทำให้คนอื่นพลอยลำบากไปด้วย เช่น สามี ภรรยา ญาติสนิทมิตรสหาย ฯลฯ
วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ทุกคนทุกฝ่าย "เดือดร้อนน้อยที่สุด" คือ แสดงความเข้มแข็งออกมา พยายามดูแลสุขภาพทั้งกายและใจให้ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะป่วยหรือไม่ จะหนักหรือจะเบา และแสดงความเข้มแข็งให้ได้ ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายที่ชอกช้ำอยู่ หรือเป็นฝ่ายที่ช่วยคนช้ำ
...
คำ "คนไข้" ในภาษาอังกฤษตรงกับคำว่า 'patient' ซึ่งแปลว่า "อดทน" ด้วย เนื่องจากคุณธรรมสำคัญของคนไข้ คือ ต้องมีความอดทน
ไม่ ใช่มีความทุกข์ยากแล้วบ่น พร่ำ รำพันไปเรื่อย, ทำให้เชื้อโรคแห่งความท้อแท้แพร่กระจาย, ทว่า... คนไข้ที่ดีควร "อดทน (patient)" ให้ได้ และแสดงความเข้มแข็งออกมาให้ได้ แม้ในท่ามกลางวิกฤติ
...
คนไข้ที่บ่นไป เรื่อยดูได้จากญาติสนิทมิตรสหายจะหลีก-ลี้-หนี-หายไปเรื่อยๆ... ใครเข้าใกล้ก็จะติดเชื้อแห่งความท้อแท้ ทำให้ถูกทอดทิ้งได้ง่าย
ตรง กันข้าม, คนไข้ที่ "เข็มแข็งอดทน-บ่นเท่าที่จำเป็น-ใจสู้" จะเป็นแบบอย่างของการสู้ชีวิตที่สำคัญ ทำให้เชื้อแห่งความเข้มแข็งแพร่ออกไป ดังคำกล่าวที่ว่า "มีสุขได้ในท่ามกลางทุกข์ และมีสุขภาพดี (ตามฐานะ) ได้ในท่ามกลางวิกฤติ"
...
สรุป คือ คำที่ควรพูดกับ "คนช้ำ" คือ การให้กำลังใจ และไม่ทอดทิ้งกัน
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

ธรรมะกับชีวิตประจำวัน - เรื่อง วิธีทำจิตใจให้หนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหว
ธรรมะกับชีวิตประจำวัน
เรื่อง
วิธีทำจิตใจให้หนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหว
อันที่จริง ว่าจะเลิกเขียนแล้วครับ เรื่อง ธรรมะกับชีวิตประจำวัน เพราะได้เขียนไปจนครบ 7 เรื่องตามที่ได้รับปากไว้กับน้อง ก้อนหินยิ้ม
แต่เหตุที่ต้องมาเขียนอีกเพราะเห็นว่าใครบางคนช่างหวั่นไหวไปกับคำพูดของคนอื่น หวั่นไหวไปกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ค่อยมีความเป็นตัวของตัวเองเท่าไรนักเลย เรารับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นได้เสมอ แต่เราก็ควรจะใช้วิจารณญาณของตนเองเท่านั้น ในการพิจารณาตัดสินใจว่าจะทำอะไร อย่างไร ควรจะเชื่อ หรือ คล้อยตามความคิดเห็นหรือคำวิจารณ์ของคนอื่นหรือไม่ เพราะเหตุใด ถ้าความคิดเห็นนั้นสมเหตุสมผล และเราได้ตรวจสอบแล้วว่าน่าเชื่อถือ เราควรก็จะเชื่อ แต่ถ้าความคิดเห็นนั้นไม่มีมูลความจริงหรือเต็มไปด้วยอคติ เราก็ไม่ควรจะสะดุ้งสะเทือน หรือ สะทกสะท้านไปกับคำวิจารณ์เหล่านั้นเลย
ยังมีคนจำนวนมาก ที่มีความวิตกกังวล กลัวว่าคนอื่นจะนินทาว่าร้ายตนเอง กลัวว่าจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีเพื่อน หรือคิดน้อยใจไปต่างๆนานากับการกระทำของคนอื่น ฯลฯ แล้วก็ทำให้จิตตก หม่นหมอง ใจไม่สงบ ไม่มีความสุข
ถ้าได้ทำความเข้าใจกับความเป็นไปตามธรรมดาของโลกแล้ว บุคคลจะไม่หวั่นไหวกับเหตุการณ์ใดๆที่อาจเกิดขึ้นแก่ตนเลย ซึ่งความเป็นไปตามธรรมดานี้ เรียกว่า โลกธรรม
โลกธรรม 8 (worldly conditions; worldly vicissitudes)
คือ ความเป็นไปตามธรรมดาของโลก ได้แก่
1. ลาภ (gain)
ได้ลาภ, มีลาภ หมายถึงการได้มา การมี หรือได้ครอบครองเป็นเจ้าของสิ่่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ช้าง ม้า วัว ควาย สัตว์เลี้ยง คนรัก ลูก ฯลฯ
2. อลาภ (loss)
เสื่อมลาภ, สูญเสีย หมายถึงการสูญเสียสิ่งที่เคยมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเสียทรัพย์ เสียของรัก ของชอบใจ ฯลฯ
3. ยส (fame; rank; dignity)
ได้ยศ, มียศ หมายถึง การได้รับยศฐาบรรดาศักดิ์ การได้รับตำแหน่ง การมีชื่อเสียงโด่งดัง การเป็นที่นิยมแพร่หลาย การได้รับเกียรติให้เป็นบุคคลสำคัญ ฯลฯ
4. อยส (obscurity)
เสื่อมยศ หมายถึง การถูกถอดออกจากตำแหน่ง การถูกถอดออกจากยศฐาบรรดาศักดิ์ การไม่ได้เป็นคนสำคัญอีกต่อไป การไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกว้างขวางอีกต่อไป ฯลฯ
5. นินทา (blame)
ติเตียน การนินทา คือ การสนทนาหรือเล่าเรื่่องในรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลโดยไม่ยืนยันว่าเป็นความจริง คนเราทุกคนนั้น หนีไม่พ้นการถูกตำหนิ ตีเตียน นินทาไปได้เลย คนที่ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก
6. ปสํสา (praise)
สรรเสริญ หมายถึง คำยกย่อง ชื่นชม คำสรรเสริญเยินยอ
7. สุข (happiness)
ความสุข ความพึงพอใจ สมหวังในสิ่่งที่ปรารถนา
8. ทุกข์ (pain)
ความทุกข์ หมายถึง ความเจ็บปวดทางกายที่เกิดจากโรคภัยหรือบาดเจ็บ ความเจ็บปวดทางจิตใจที่สูญเสียของรักของชอบใจ ความไม่พอใจ ความขุ่นข้องหมองใจต่างๆ ฯลฯ
โลกธรรม 8 นี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
ข้อ 1, 3, 6, 7 เป็น อิฏฐารมณ์ คือ ส่วนที่น่าปรารถนา
ข้อ 2, 4, 5, 8 เป็น อนิฏฐารมณ์ คือ ส่วนที่ไม่น่าปรารถนา
โลกธรรมทั้งที่น่าปรารถนา และ ที่ไม่น่าปรารถนาเหล่านี้ ย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้เรียนรู้ และแก่อริยสาวกผู้ได้เรียนรู้
จะต่างกันก็ตรงที่ ผู้ที่ไม่ได้เรียนรู้น้ัน ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เข้าใจ ความเป็นไปตามธรรมดาของโลก มักจะปล่อยใจให้เพลิดเพลิน ลุ่มหลง ยินดียินร้าย ปล่อยให้ความเป็นไปตามธรรมดาของโลกนั้นเข้าครอบงำย่ำยีจิตใจ ให้เกิดดีใจเสียใจเรื่อยไป ไม่พ้นจากทุกข์
ส่วนผู้ที่ได้เรียนรู้ จะมีความเข้าใจความเป็นไปตามธรรมดาของโลกนี้ พิจารณาเห็นตามเป็นจริงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแก่ตน ล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ไม่หลงใหลมัวเมาเคลิ้มไปตามอิฏฐารมณ์ ไม่ขุ่นมัวหม่นหมอง คลุ้มคลั่งไปในเพราะอนิฏฐารมณ์ มีสติดำรงอยู่ เป็นผู้ปราศจากทุกข์
การไม่หวั่นไหวไปกับโลกธรรม 8 นี้ ถือเป็นธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ ข้อที่ 35 จากมงคล 38 ประการ
35. ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ
ถูกโลกธรรม จิตไม่หวั่นไหว
ในการที่เราจะเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคง หนักแน่น ไม่หวั่นไหวไปกับคำวิจารณ์ของใครๆนั้น และไม่หวั่นไหวไปกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นแก่เรา เป็นเพราะเรามีความเข้าใจในโลกธรรม 8 และถ้าเราเข้าใจเรื่องของกรรม และ ที่มาของกรรมด้วย จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเรามากยิ่งขึ้น เพราะเราสามารถรู้ดีรู้ชั่วได้ด้วยตัวของเราเอง ถ้าเรารู้ว่า เราเป็นคนดี มีใจเป็นกุศลแล้ว เราคงไม่หวั่นไหว ไม่หวาดวิตกต่อคำวิจารณ์ของใครๆ
กรรม 2 (action; deed)
คือ การกระทำ, การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ไม่ว่าจะเป็นการกระทำทางกายหรือ ทางวาจา หรือทางใจ ล้วนแต่เป็นกรรมทั้งสิ้น แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
1. อกุศลกรรม (unwholesome action; evil deed; bad deed)
กรรมที่เป็นอกุศล, กรรมชั่ว, การกระทำที่ไม่ดี การกระทำที่ไม่ฉลาด การกระทำที่ไม่เกิดจากปัญญา การกระทำท่ีเกิดจากความประมาท หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้เสื่อมเสียคุณภาพชีวิต ได้แก่ การกระทำที่เกิดจากความโลภ ความโกรธ หรือ ความหลง (ความโง่)
2. กุศลกรรม (wholesome action; good deed)
กรรมที่เป็นกุศล, กรรมดี, การกระทำที่ดี การกระทำที่ฉลาด การกระทำที่เกิดจากปัญญา ส่งเสริมคุณภาพของชีวิตจิตใจ ได้แก่ การกระทำที่เกิดจากความไม่โลภ ความไม่โกรธ หรือ ความไม่หลง (ความไม่โง่)
เมื่อเราได้พิจารณาการกระทำของเราทุกอย่างแล้ว ว่าเราทำแต่กุศลกรรม เราย่อมรู้ดี รู้ชั่วด้วยตนเองแล้ว จิตใจของเราจะหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่วิตกกังวลว่าคนอื่นจะมองว่าเราเป็นคนอย่างไร ใครจะมองว่าเราเป็นคนอย่างไรก็ช่างเขาเถิด เรามีสติรู้ตัวว่าเราทำแต่กุศลกรรมก็พอแล้ว
นอกจากนี้ เราต้องรู้ด้วยว่า รากเหง้าหรือต้นตอของกุศลกรรม และ อกุศลกรรมนั้นมีมาจากอะไรบ้าง ด้วยการทำความเข้าใจกับกุศลมูล และ อกุศลมูล
กุศลมูล 3 (roots of good actions)
รากเหง้าของกุศล, ต้นตอของความดี ได้แก่
1. อโลภะ (non-greed; generosity)
ความไม่โลภ, ความคิดเผื่อแผ่, ความมีใจกว้าง, ชอบเสียสละ ให้ทาน
2. อโทสะ (non-hatred; love)
ความไม่คิดประทุษร้าย, เมตตา, ความปรารถนาดี
3. อโมหะ (non-delusion; wisdom)
ความไม่หลง, ความฉลาด, ความมีปัญญา
หากบุคคลใดได้หมั่นพิจารณาการกระทำของตนอยู่เนืองๆ และเฝ้าดูจิตใจตนเองให้มีแต่กุศลมูล นอกจากจะเป็นผู้ที่มีสติปัญญา จิตใจสะอาดผ่องแผ้วแล้ว ยังเป็นผู้ที่หนักแน่นและมั่นใจในตนเองอีกด้วย จะไม่หวั่นวิตกต่อคำวิจารณ์ของผู้อื่น
อกุศลมูล 3 (roots of bad actions)
รากเหง้าของอกุศล, ต้นตอของความชั่ว ได้แก่
1. โลภะ (greed)
ความอยากได้ทั้งหลายทั้งปวง อยากได้ชื่อเสียงเกียรติยศ อยากได้ทรัพย์สินเงินทอง อยากมีอำนาจวาสนาบารมี อยากมีบริวารล้อมหน้าล้อมหลัง ฯลฯ
2. โทสะ (hatred)
ความคิดประทุษร้าย ไม่ปรารถนาดีต่อผู้อื่น ความโกรธ ความเกลียดชัง ความขุ่นข้องหมองใจต่างๆ ฯลฯ
3. โมหะ (delusion)
ความหลง ความเชื่ออย่างงมงาย ไม่สมเหตุสมผล ความเชื่ออย่างผิดๆ ไม่ใช้ปัญญาในการพิจารณาไตร่ตรอง ความลุ่มหลงมัวเมา
เราควรเฝ้าดูจิตใจของเรา อย่าให้เกิดอกุศลมูลขึ้นในจิตใจของเรา ไม่ว่าเราจะทำอะไรลงไป ต้องพิจารณาอยู่เสมอว่า เราไม่ได้กระทำไปเพราะความอยากได้อยากมี หรือ กระทำไปเพราะมีเจตนาทำร้ายผู้อื่น หรือ กระทำไปเพราะความโง่เขลาเบาปัญญา เพราะความลุ่มหลงงมงาย ฯลฯ เราควรเตือนสติตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา อย่าให้จิตใจของเรา มีอกุศลมูลเข้าครอบงำจิตใจได้ เพื่อความสุข ความสงบ ในชีวิตของเราเอง
ขอให้ผู้อ่านทุกท่าน จงเป็นผู้ที่รู้จักตนเอง เข้าใจตนเอง เตือนสติตนเองได้ เข้าใจความเป็นไปตามธรรมดาของโลก ยึดมั่นแต่ในการทำความดี และไม่หวั่นไหวต่อคำวิจารณ์ของผู้อื่น

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เผยโฉม21แห่งมรดกโลก กาลาปากอสหลุดแบล็กลิสต์



ยูเนสโกบันทึกมรดกโลกเพิ่มอีก 21 แห่ง เป็นมรดกทางวัฒนธรรม 15 แห่ง มรดกทางธรรมชาติ 5 แห่ง และแบบผสมผสานอีก 1 แห่ง พร้อมถอดหมู่เกาะกาลาปากอสออกจากแบล็กลิสต์เสื่อมโทรมหนัก...

เว็บไซต์ ของยูเนสโก ผลการประชุมอย่างเป็นทางการ ของคณะกรรมการว่าด้วยเรื่องมรดกโลก ครั้งที่ 34 จากการหารือที่กรุงบราซิลเลีย ประเทศบราซิล ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ในที่ 2 ส.ค. เสร็จสิ้นการพิจารณาเสนอชื่อมรดกโลกใหม่ จำนวน 21 แห่ง เป็นมรดกทางวัฒนธรรม 15 แห่ง มรดกทางธรรมชาติ 5 แห่ง และแบบผสมผสานอีก 1 แห่ง

สำหรับมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ทั้ง 15 แห่งนั้น ได้แก่ Australian Convict Sites ประเทศออสเตรเลีย, São Francisco Square in the Town of São Cristovão ประเทศบราซิล, Historic Monuments of Dengfeng, in the "Centre of Heaven and Earth" ประเทศจีน, Episcopal City of Albi ประเทศฝรั่งเศส, Jantar Mantar ประเทศอินเดีย, Sheikh Safi al-Din Khānegāh and Shrine Ensemble in Ardabil ประเทศอิหร่าน, Tabriz Historical Bazaar Complex ประเทศอิหร่าน, Bikini Atoll, Nuclear Test Site หมู่เกาะมาร์แชลล์, Camino Real de Tierra Adentro ประเทศเม็กซิโก, Prehistoric Caves of Yagul and Mitla in the Central Valley of Oaxaca ประเทศเม็กซิโก, Seventeenth-century Canal Ring Area inside the Singelgracht, Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์, Historic Villages of Korea: Hahoe and Yangdong ประเทศเกาหลีใต้, At Turaif District in ad-Dir'iyah ประเทศซาอุดิ อาราเบีย, Proto-Urban site of Sarazm ประเทศทาจิกิสถาน, และ Imperial Citadel of Thang Long-Hanoi ประเทศเวียนาม
มรดกโลกแบบผสมแห่งใหม่ Papah naumoku kea สหรัฐอเมริกา

มรดกโลกแบบผสมแห่งใหม่ Papah naumoku kea สหรัฐอเมริกา


ส่วนมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งใหม่จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ China Danxia ประเทศจีน, Pitons, Cirques and Remparts of Reunion Island ประเทศฝรั่งเศส, Phoenix Islands Protected Area ประเทศคิริบาส, Putorana Plateau ประเทศรัสเซีย และ Central Highlands of Sri Lanka ประเทศศรีลังกา และมรดกโลกแบบผสมผสานจำนวน 1 แห่ง คือ Papahānaumokuākea สหรัฐอเมริกา

หมู่เกาะกาลาปากอส

หมู่เกาะกาลาปากอส

ขณะที่แหล่งมรดกโลกชื่อดังอย่างหมู่เกาะกาลาปากอส บริเวณนอกชายฝั่งเอกวาดอร์ ที่เคยติดโผภาวะเสื่อมโทรม และอาจถูกพ้นบัญชีมรดกโลก ถูกถอดออกจากแบล็กลิสต์แล้ว สำหรับขณะแหล่งมรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงรอบใหม่เหลือ 4 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดส์ในรัฐฟลอริด้าของสหรัฐฯ พื้นที่หนองน้ำอันเป็นแหล่งอยู่อาศัยของนกและสัตว์เลื้อยคลานหายากหลายชนิด ที่กำลังประสบปัญหามลพิษระบบนิเวศเสื่อมลงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และวิหารบากราตีและอารามเกลาติในประเทศจอร์เจีย ที่มีการบูรณะโดยมิได้รับอนุญาต

ส่วนอีก 2 แห่งคือ สุสานอาณาจักรบูกันดาในประเทศยูกันด้า ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุไฟป่าในปีนี้ และพื้นที่ป่าฝนแอตสินานานาในประเทศมาดากัสก้า ที่เผชิญปัญหาลักลอบตัดไม้รวมถึงการล่าตัวลีเมอร์อย่างผิดกฎหมาย.

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553


วันแม่แห่งชาติ
ทุกวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี

วันแม่แห่งชาติ หรือที่คนไทยทั่วไปนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า "วันแม่" ทุกคนรับทราบและซาบซึ้งกันดี เนื่องจากวันสำคัญนี้ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถคือ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพและถือว่าเป็นวันแม่ของชาติด้วย

แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุนจนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความสำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวันแม่ของชาติ
ต่อมาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
วันแม่แห่งชาติ เป็นวันที่ทางราชการกำหนดในวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี และถือว่าเป็นวันสำคัญยิ่งของปวงชนชาวไทย โดยกำหนดให้ถือว่า "ดอกมะลิ" สีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความดีงามของแม่ผู้ให้กำเนิดแก่เรา

กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ

  1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน
  2. จัดกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ
  3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่
  4. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่

วันแม่ในประเทศต่าง ๆ

  • อาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ นอร์เวย์
  • 8 มีนาคม บัลแกเรีย, แอลเบเนีย
  • อาทิตย์ที่สี่ในฤดูถือบวชเล็นท์ (มาเทอริง ซันเ ดย์) สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์
  • 21 มีนาคม (วันแรกของฤดูใบไม้ผลิ) จอร์แดน, ซีเรีย, เลบานอน, อียิปต์
  • อาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม โปรตุเกส, ลิทัวเนีย, สเปน, แอฟริกาใต้, ฮังการี
  • 8 พฤษภาคม เกาหลีใต้ (วันผู้ปกครอง)
  • 10 พฤษภาคม กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้, บาห์เรน, ปากีสถาน, มาเลเซีย, เม็กซิโก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อินเดีย, โอมาน
  • อาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม แคนาดา, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน), สาธารณรัฐประชาชนจีน, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, ตุรกี, นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์, บราซิล, เบลเยียม, เปรู, ฟินแลนด์, มอลตา, เยอรมนี, ลัตเวีย, สโลวาเกีย, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, อิตาลี, เอสโตเนีย, ฮ่องกง
  • 26 พฤษภาคม โปแลนด์
  • 27 พฤษภาคม โบลิเวีย
    อาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม สาธารณรัฐโดมินิกัน, สวีเดน
    อาทิตย์แรกของเดือนมิถุนายนหรือ อาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ฝรั่งเศส
  • 12 สิงหาคม ไทย (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ)
  • 15 สิงหาคม (วันอัสสัมชัญ) คอสตาริกา, แอนท์เวิร์ป (เบลเยียม)
    อาทิตย์ที่สองหรือสามของเดือนตุลาคม อาร์เจนตินา (Día de la Madre)
  • 28 พฤศจิกายน รัสเซีย
  • 8 ธันวาคม ปานามา
  • 22 ธันวาคม อินโดนีเซีย
  •