วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพในหน้าหนาว


ลมหนาวมาเยือนอีกครั้ง ไม่เพียงพัดพาความหนาวมาเท่านั้น แต่ยังได้พัดพาเอาความแห้งกร้านมาเป็นของแถมด้วย หลายๆ คนคงประสบกับปัญหาในการดูแลตนเอง ทั้งเรื่องของผิว ผม ใบหน้า และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้นการดูแลทุกส่วนของร่างกายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการรับมือกับช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ เราก็มีเคล็ดลับการดูแลส่วนต่างๆ มาฝากกันค่ะ

เริ่มตั้งแต่การดูแลเส้นผม ในช่วงหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องสระทุกครั้งที่อาบน้ำ เพราะการสระผมด้วยแชมพูสระผมบ่อยๆ จะทำให้เส้นผมแห้งแตกปลายได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปจนเกิด
รังแคได้ และในการสระแต่ละครั้งควรใช้แชมพูในปริมาณน้อย แต่สำหรับผมที่แห้งมากควรใช้ครีมนวดผมร่วมกับแชมพูขณะสระผมด้วยจะดี หลังจากนั้นใช้ครีมหรือน้ำมันบำรุงเส้นผมทาเคลือบที่ปลายผมบางๆ หลังจากสระผมเสร็จ เพื่อลดประจุไฟฟ้าสถิตไม่ให้ผมฟู

การดูแลผิวหน้าก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นส่วนที่เห็นชัดที่สุด ในขณะที่ล้างหน้า ควรใช้น้ำเย็นแทนน้ำร้อนเพราะน้ำร้อนจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป และไม่ควรเช็ดหน้าแรงๆ แค่ซับเบาๆ ก็พอ เพราะยิ่งถูยิ่งขัดแรงหน้าจะยิ่งลอกมากขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวตาม ส่วนใครที่มีใบหน้ามันอยู่แล้ว ไม่ควรใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันเพราะจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น สุดท้ายถ้าผิวยังดูซีดเซียว เหมือนคนป่วยอีก ก็ต้องพึ่งเมคอัพกันหน่อยแล้วค่ะ ปัดแก้มโทนชมพูให้ดูมีเลือดฝาดนิดๆ แล้วเติมลิปกลอสหน่อยก็ดูสวยใสรับหน้าหนาวได้

และยิ่งอากาศเย็น แห้งแบบนี้อย่าปล่อยให้ริมฝีปากแห้งลอกนะคะ เพราะยิ่งปากแห้งเท่าไรในบางคนอาจถึงกับปากแตกจนมีเลือดออกได้ ดูแล้วเหมือนคนสุขภาพไม่แข็งแรง การเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยลิปปาล์ม (lip balm) สูตรเข้มข้น หรือลิปปาล์มที่ช่วยลดร่องบนริมฝีปากสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ค่ะ และในเวลาที่เราขัดหน้า เราควรขัดริมฝีปากไปด้วย แต่ควรเป็นครีมชนิดอ่อนๆ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่มๆ ถูเบาๆ และที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำมากๆ เพราะการดื่มน้ำจะช่วยให้ริมฝีปากของเราชุ่มชื้นจากภายในได้ด้วยคะ

สำหรับผิวกาย การพบเจอปัญหาผิวแตกแห้งในช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสาวๆ หลายคนได้เช่นกัน วิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ผิวสวยสดใส คือต้อง
ดื่มน้ำให้พอเพียงในแต่ละวัน ถ้าใครไม่ชอบดื่มน้ำก็ควรรับประทานผลไม้ที่มีน้ำมากๆ อย่าง แตงโม หรือส้มเข้าไปเพื่อทดแทน และไม่ควรอาบน้ำที่เย็นจัดหรือร้อนจัดจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีฟองมากๆ เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากผิว

หลังจากนั้นควรทาโลชั่นให้ทั่วร่างกาย บางคนทาเฉพาะแขนกับขาเท่านั้นต้องบอกว่ายังไม่พอ ควรดูแลให้ทั่วทั้งตัวไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลัง หน้าท้อง โดยเฉพาะบริเวณข้อศอก หัวเข่า และส่วนที่เราลืมใส่ใจนั่นก็คือใต้ฝ่าเท้าด้วย นอกจากนี้เราควรเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาล สายเดี่ยวหรือเกาะอกก็เก็บไว้ในตู้ก่อนดีกว่านะคะ

ส่วนมือที่แตกและแห้ง ควรพกครีมทามือติดตัวไว้ ก็จะช่วยให้ความชุ่มชื้นและยังทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย แต่ถ้าใครที่มือแห้งมาก ๆ แล้วล่ะก็แนะนำวิธีนี้เลยค่ะ ล้างมือให้สะอาด จากนั้นนวดด้วยน้ำมันมะกอกทิ้งไว้สักพัก ค่อยล้างออกด้วยน้ำสบู่ หลังจากล้างน้ำสะอาดแล้ว นวดด้วยแฮนด์ครีม ทำอย่างนี้ทุกวัน ไม่ช้าริ้วรอยแห้งแตกก็จะหายไปคะ

ส่วนสาวๆ ที่ต้องใช้มือสำผัสหรือเปียกน้ำตลอดเวลา ในช่วงหนาวนี้จะยิ่งรู้สึกแสบมือมาก อาจมีอาการบวมแดงและแตกได้ ควรป้องกันด้วยการสวมถุงมือยางกันน้ำเวลาซักผ้าหรือล้างชาม ถ้ามีอาการอักเสบอาจต้องใช้ครีมประเภทสเตียรอยด์ชนิดอ่อน ไม่ควรใช้ชนิดแรงเพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น

นอกจากนี้การทำกายบริหารให้กับมือ จะสามารถช่วยให้มือมีสุขภาพดีได้เช่นกันค่ะ วิธีง่าย ๆ เพียงกำมือแน่นๆสัก 2 - 3 นาที แล้วเหยียดออก ยืดนิ้วออกจากกันให้มากที่สุด ทำ 2 มือพร้อมกัน ซ้ำ 6 ครั้ง หลังจากนั้นคว่ำฝ่ามือไว้ข้างหน้า ให้นิ้วเหยียดตรง นิ้วทุกนิ้วชิดกันให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วแยกนิ้วออกไปกว้าง ๆ ทำซ้ำ 6 ครั้ง โดยทำ 2 มือ พร้อมกัน

มัวแต่ดูแลผิวหน้า ผิวกาย พอจะใส่รองเท้าเปิดส้นก็เจอส้นเท้าแตกเป็นร่องๆ เพราะฉะนั้นอย่าลืมขัด (Scrub) ผิวให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดลอกออกไปด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่นแล้วก็ขัดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเพื่อเท้าโดยเฉพาะด้วยนะค่ะ หลังจากนั้นบำรุงด้วยครีมที่มีส่วนผสมของ
โจโจ้บา (jojoba) , อโวคาโด (avocado) และ วิตามินอี (vitamin E) ทาด้วยนะค่ะ และที่สำคัญก่อนนอนควรสวมถุงเท้าผ้าคอตต้อน (cotton) เสมอเพราะการสวมถุงเท้าจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นให้กับเท้าแถมยังจะทำให้เท้าเนียนนุ่มขึ้นได้อีกด้วย

เมื่อทราบเคล็ดลับดีๆในการดูแลตัวเองในหน้าหนาวแล้ว ก็อย่าลืมลองนำไปปฏิบัติดูนะคะ หนาวนี้ ทุกคนจะได้มีผิวสวย สุขภาพดี เดินออกจากบ้านได้อย่างสง่างามและมั่นใจกันทุกย่างก้าวค่ะ

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การเกิด BIG BANG

การเกิด Big Bang และการขยายของจักรวาล
จักรวาลที่เราอาศัยอยู่กำลังขยายเรารู้เพราะว่า เราเห็นแกเล็กซีและกลุ่มของแกเล็กซียังคงเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องในจักรวาล นี่เป็นการขยายตัวที่เกิดมาตั้งแต่จักรวาลได้ก่อรูปร่างเมื่อ 15 พันล้านปีมาแล้ว มันร้อนมากเป็นเหตุการณ์ที่รู้จักคือการเกิดบิกแบ๊ง
นี่เป็นหกคำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับการขยายตัวของจักรวาล
(1) ศูนย์กลางของจักรวาลอยู่ที่ไหน?
ไม่มีศูนย์กลางของจักรวาลเพราะว่าไม่มีขอบเขตของจักรวาล เป็นจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด อวกาศโค้ง ถ้าคุณเดินทางเป็นพันล้านปีแสงเดินทางไปเป็นเส้นตรง คุณจะวนกลับมาที่เดิม ยังสถานที่ที่คุณเริ่ม มันเป็นไปได้ที่ว่าจักรวาลของเราไม่มีที่สิ้นสุด จากตัวอย่าง กลุ่มของ แกเล็กซีจะเป็นส่วนเติมความสมบูรณ์ของจักรวาลและพวกมันได้เคลื่อนแยกออกจากกันทุกจุด ทำให้จักรวาลมีการขยายตัว(ดูจากคำถามที่ 2)

ตัวอย่างเล็กมากๆจักรวาลบรรจุดาวเพียงแค่ 48 ดวง ยานสำรวจที่บินไม่สามารถหาขอบของจักรวาล ถ้ามันเป็นทางออกของอีกด้านหนึ่งของจักรวาล มันจะเชื่อมต่อกับอีกด้านหนึ่งของจักรวาล คนที่อยู่ในยานจะเห็นจำนวนดาวไม่มีที่สิ้นสุดรอบๆ พวกเขา จักรวาลไม่มีขอบเขตและไม่มีศูนย์กลาง
(2) บิกแบ๊งเกิดเกิดในจักรวาลที่ไหน?
มีสมมติฐานขั้นพื้นฐานที่ว่าบิกแบ๊ง ได้มีการระเบิดซึ้งจะเกิดอวกาศว่างเปล่า ซึ้งการระเบิดจะเป็นการขยายพื้นที่ว่างในอวกาศ นี่เป็นสิ่งที่ผิด
อวกาศและเวลาที่ถูกสร้างจากบิกแบ๊งเป็นการเริ่มต้นของจักรวาล อวกาศถูกทำให้สมบูรณ์เมื่อมีการบรรจุสสาร สสารระยะแรกเริ่มร้อนมากและมีความหนาแน่นสูง เมื่อเย็นตัวลง ก็ผลิตเป็นดาวและแกเล็กซีที่เราเห็นในจักรวาลทุกวันนี้
ถึงแม้ว่าอวกาศอาจจะได้เคยรวมกันเป็นจุดๆเดียว ขณะที่เป็นบิกแบ๊ง มันมีความเป็นไปได้ ที่ว่าอวกาศไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อเกิดบิกแบ๊ง สิ่งที่เกิดขึ้นในอวกาศจะมีความสมบูรณ์มากขึ้นจะมี การบรรจุสสาร ซึ้งจะเริ่มการขยายตัว
ตรงกลางไม่ได้มีการขยาย จักรวาลเป็นแบบง่ายๆกับการขยายตัวทุกๆจุดจากการสังเกตทุกๆแกเล็กซี ดูจาก แกเล็กซีอื่นๆในจักรวาลดูหนีออกจากพวกเรา
นี่เป็นตำตอบกับคำถาม สถานที่บิกแบ๊งเกิด มันไม่ได้เกิดทุกหนทุกแห่งในจักรวาล
(3) โลกได้ขยายตัวออกไปพร้อมกับจักรวาลหรือ?
โลกไม่ได้มีการขยายตัวและไม่ใช่ทั้งระบบสุริยะหรือแกเล็กซีทางช้าวเผือก วัตถุที่ก่อรูปร่างภายใต้อิทธิพลของแรงโน้วถ่วง และบางส่วนได้หยุดการเคลื่อนที่ แรงโน้มถ่วงได้ยึดจับแกเล็กซีเข้าด้วยกันไปเป็นกลุ่มและเป็นกระจุกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม และกระจุกของแกเล็กซี ที่มีการเคลื่อนที่แยกจากกันในจักรวาล
(4) ด้านนอกของจักรวาลเป็นอย่างไร?
อวกาศได้ถูกสร้างขึ้นในการเกิดบิกแบ๊ง จักรวาลของเราไม่มีขอบเขตหรือด้านนอกของวัตถุ --ไม่มีด้านนอกสำหรับจักรวาล ของเรา(ดูจากคำถามที่ 1)มันเป็นไปได้ที่ว่าจักรวาลของเราเป็นส่วนของจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด(ดูจากคำถามที่ 5) แต่จักรวาล ไม่จำเป็นต้องมี "อวกาศ" เพื่อการมีอยู่
(5) ก่อนการเกิดบิกแบ๊งเกิดอะไรขึ้น?
เวลาที่บิกแบ๊งได้ถูกสร้าง --เราไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนการเกิดบิกแบ๊ง นี่เป็นคำถามที่ยากต่อการตอบ บางทฤษฏีเสนอมาว่าจักรวาลของเราเป็นส่วนของจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด (ที่เรียกว่า "มีหลายจักรวาล")ซึ้งมีการ สร้างไปพร้อมๆกัน นี่เป็นไปได้แต่ยากต่อการพิสูจน์
(6) ถ้าจักรวาลอายุ 15 พันล้านปีแสงแกเล็กซีน่าจะเดินทางมาแล้ว 15 พันล้านปีแสง?
มันเป็นหลักฐานที่ว่า จักรวาลนี้เป็นจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ได้มีสสารที่เกิดทุกหนทุกแห่งตั้งแต่บิกแบ๊ง(ดูจากคำถามที่ 2) เป็นหลักฐานที่ดีสำหรับจักรวาลในระยะเริ่มซึ้งจักรวาลขยายตัวเร็วกว่าความเร็วแสง มันเป็นไปได้ที่อวกาศมีการขยาย แม้ว่าอนุภาคจะไม่ได้เดินทางด้วยความเร็วแสง มีอนุภาคที่เพิ่มขึ้มอย่างมากมายในอวกาศ
เราสามารถจินตนาการแกเล็กซีคล้ายกับลูกบอลบนวัสดุสี่เหลี่ยมช่วงที่เวลามีความยืดหยุ่นแทนถึงอวกาศ ถ้าเรายืดขยายวัสดุสี่เหลียม ลูกบอลก็จะมีการเคลื่อนตาม ลูกบอลที่อยู่ใกล้ชิดกันจะเคลื่อนที่แยกจากกันอย่างช้าๆ ลูกบอลที่มีขนาดความกว้างต่างกันจะเคลื่อนที่ แยกออกจากกันอย่างรวดเร็วสำหรับสสารและพลังงานในจักรวาล หรือเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงสสารและพลังงานที่บรรจุอยู่ในจักรวาล

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ราเกซ สักเสนา

เปิดปูม "ราเกซ สักเสนา" พ่อมดทางการเงิน ฝีมือทำ "โรคต้มยำกุ้ง"

ราเกซ สักเสนา ฉายา "พ่อมดการเงิน" อดีตที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ(บีบีซี)กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง หลังเงียบหายไปเกือบ 10 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์มณฑลบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา พิพากษายืนตามคำตัดสินของ นายมาร์ติน คูชอน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแคนาดา ที่จะให้ส่งตัวนายราเกซ มาให้ทางการไทยดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน และไม่ให้ประกันตัว

11-11-2008 12:48 คดีบันลือโลก เกิดจาก นายราเกซ มีโอกาสเข้ามาเป็นที่ปรึกษา นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ซึ่งถูกทางการไทยยื่นฟ้องเมื่อปี 2539 ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์บีบีซี 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 3,000 ล้านบาท) อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ธนาคารเก่าแก่แห่งนี้ ต้องตกอยู่ในภาวะล้มละลายในปี 2538 นายเกริกเกียรติ นายราเกซ พร้อมพวก ใช้วิธีการปล่อยกู้ที่มีความเสี่ยงสูง และกิจกรรมที่ใช้เงินจำนวนหลายหมื่นล้านบาทให้พรรคพวกที่เป็นนักการเมือง จากนั้น ตบแต่งบัญชีให้มีผลกำไรนับพันล้านบาท ทั้งที่ขาดทุนย่อยยับ ทำให้ บีบีซี ต้องตกอยู่ในภาวะล้มละลายในปี 2538 เนื่องจากมีหนี้สิน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท) หลังจากนั้นไม่นาน สถาบันการเงินกว่า 50 แห่ง ก็ต้องปิดตัวลงจนเป็นเหตุให้เกิดการขาดความเชื่อมั่นในระบบธนาคารไทย และนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจการเงินในเอเชียหรือที่เรียกว่า "โรคต้มยำกุ้ง" ในปี 2540 การเปิดปมปัญหาการคอรัปชั่นในบีบีซีเริ่มต้นจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายแฉกลโกงบีบีซี ด้วยวิธีเซียนเรียกพี่ ต่อสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2539 ซึ่งตรงกับสมัย นายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ผลการอภิปรายในครั้งนั้น ทำให้ นายกฯบรรหาร สั่งให้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในขณะนั้น ดำเนินการสั่งปิดบีบีซี ตามมาด้วยปฏิบัติการล้างบาง ในธนาคารแห่งประเทศไทย กระทั่ง 17 พฤษภาคม 2539 กระทรวงการคลัง ได้ตั้งคณะกรรมการเข้าควบคุมธนาคารแห่งนี้แบบเบ็ดเสร็จจากนั้นนายเกริก เกียรติ เดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็กลับมาสู้คดีในประเทศไทยในเดือนถัดมา และเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 นายเกริกเกียรติ ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ตัดสินจำคุกรวมทั้งหมด 3 คดี คดีละ 10 ปี รวมเป็น 30 ปี และปรับรวมกันทั้งหมด 3,330 ล้านบาท ส่วน นายราเกซ หลบหนีไปประเทศแคนาดาตั้งแต่ปี 2539 และถูกทางการไทยออกหมายจับเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2539 จากนั้นถูกตำรวจแคนาดาจับกุมที่เมืองวิสต์เลอร์ มณฑลบริติช โคลัมเบีย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปีเดียวกัน แต่นายราเกซ ได้สู้คดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อจะไม่ต้องถูกส่งตัวกลับมาไทย โดยอ้างว่าถูกใส่ร้ายให้เป็นแพะรับบาป จากกลุ่มผู้บริหารบีบีซี และผู้กำกับดูแลระบบการเงินของไทย ซึ่งพยายามปกปิดเรื่องอื้อฉาวในบีบีซี และการต่อสู้คดีดังกล่าวได้จารึกไว้ ว่ากินเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์แคนาดา ต่อมาในปี 2546 นายมาร์ติน คูชอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแคนาดา ตัดสินให้ส่งตัวนายราเกซให้ทางการไทย แต่นายราเกซดิ้นรน ต่อสู้ในศาลอุทธรณ์ เพื่อที่จะไม่ต้องถูกส่งตัวกลับ โดยอ้างว่าถ้าถูกส่งกลับประเทศไทยอาจถูกสังหารหรือถูกขังในคุกอย่างโหดร้าย ทารุณ จนล่าสุดเมื่อศาลอุทธรณ์มณฑลบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา พิพากษายืนตามคำตัดสินของรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแคนาดา ชะตากรรมของนายราเกซจึงอยู่ที่ผลการฎีกา ซึ่งจะตัดสินชะตากรรมของราเกซ ว่าจะจบลงอย่างไร ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินคดีนายราเกซ นั้น ตามกฎหมายของประเทศแคนาดาสามารถยื่นฎีกาภายในระยะเวลา 30 วัน เมื่อยื่นแล้วศาลฎีกาจะให้อัยการพิจารณาคัดค้านภายในระยะเวลา 30 วัน จากนั้นศาลจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับฎีกาหรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 60 วัน ซึ่งการพิจารณาจะรับฎีกานั้นมีเหตุผล 2 ประการ คือประการที่หนึ่ง คือต้องเกี่ยวกับความมั่นคง และผลประโยชน์ของประเทศแคนาดา และประการที่สอง คือ เกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เชื่อว่า เรื่องของนายราเกซ ไม่เข้าข่ายทั้งสองกรณี จึงคาดว่าศาลจะไม่รับฎีกาของนายราเกซ และถ้าศาลไม่รับฎีกาก็จะต้องส่งตัวนายราเกซมาดำเนินคดีในประเทศภายในระยะ เวลา 45 วัน นับจากวันที่ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาคดี สำหรับการประสานขอตัวนายราเกซมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้นเป็นไปตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา มีอัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางรับตัวนายราเกซ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย และสามารถดำเนินคดีต่อในประเทศไทยได้ทันที ส่วนฐานความผิดของนายราเกซ เป็นคดีร่วมกันยักยอกทรัพย์ และผิด พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ และคดียักยอกทรัพย์ ทั้งนี้ คดีความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ มีอายุความ 15 ปี จึงสามารถดำเนินคดีได้ทันที เมื่อนายราเกซกลับมาในประเทศไทย ส่วนคดียักยอกทรัพย์ที่มีอายุความ 10 ปี ไม่สามารถเอาผิดนายราเกซได้ เนื่องจากหมดอายุความไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2548