วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เทือกเขาแอลป์กับอากาศที่บริสุทธิ์และแหล่งน้ำที่สะอาดจนดื่อมได้
วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ประวัติหอไอเฟล
โครงสร้างหอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบนนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ในขณะที่ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432(ค.ศ. 1889) หอไอเฟลนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนโลก โดยถูกล้มตำแหน่งเมื่อเมืองนิวยอร์กได้สร้าง ตึกไครสเลอร์ สูง 319 เมตร(1046 พุต)น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้นเหตุการณ์พ.ศ. 2432(ค.ศ. 1889) หอคอยได้สร้างเสร็จ และเป็น 1 ในสิ่งก่อสร้างในงาน EXPOพ.ศ. 2473(ค.ศ. 1930) หอเสียตำแหน่งสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ให้แก่ตึกไครสเลอร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468-พ.ศ. 2477(ค.ศ. 1925-1934) ประดับไฟ 3 ด้านใน 4 ด้านของหอพ.ศ. 2483(ค.ศ. 1940) เมื่อนาซีเยอรมันสามารถยึดปารีสได้แล้ว ชาวฝรั่งเศสได้ตัดลิฟท์ออก ทำให้ฮิตเลอร์ต้องปีนบันได 1,665 ขั้น แต่เขาไม่ปีน เขาให้เอาธงเยอรมันไปปักไว้บนหอแทนพ.ศ. 2487(ค.ศ. 1944) เดือนสิงหาคม ฮิตเลอร์สั่ง Dietrich von Choltitz ให้เผาเมืองปารีส และหอทิ้ง แต่เขากลับฝืนคำสั่งไม่เผา เพราะว่าเขาเสียดายเมืองพ.ศ. 2499(ค.ศ. 1956) วันที่3 มกราคม ไฟไหม้ยอดของหอ และในปีเดียวกันนั้นก็ได้นำเสาอากาศวิทยุไปติ้งตั้งบนยอดด้วยทศวรรษที่ 1980 ได้มีการเคลื่อนย้ายรื้อร้านอาหารที่เก่าแก่ในหอออก ไปสร้างใหม่ในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกาแทนพ.ศ. 2543(ค.ศ. 2000) ได้มีการติดตั้งโคมไฟบนยอดของหอพ.ศ. 2545(ค.ศ. 2002) วันที่28 พฤศจิกายน หอไอเฟลต้อนรับแขกคนที่ 200 ล้านพ.ศ. 2546(ค.ศ. 2003) วันที่22 กรกฎาคม ไฟไหม้ยอดของหอ ในห้องเก็บของอีกครั้ง ใช้เวลาดับไฟประมาณ 40 นาที
วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
การเตรียมตัวสอบ
1.1 ควรสะสางงานที่ได้รับมอบหมายให้เรียบร้อย
1.2 ควรจะดูหนังสือล่วงหน้าก่อนสอบอย่างน้อย 1 เดือน
1.3 ควรจัดแบ่งเวลาในการดูหนังสือวิชาต่างๆ ให้เหมาะสมตามเนื้อหาที่สอบ
1.4 ระมัดระวังสุขภาพทั้งกายและสุขภาพจิตให้สมบูรณ์
1.5 วิชาที่เป็นเนื้อหาควรจดบันทึกย่อซึ่งจะช่วยให้จดจำเรื่องราวได้ดีแ
1.6 ควรอ่านหนังสือคนเดียวตามลำพัง จากนั้นไปรวมเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 2-3 คน เพื่อช่วยกันทบทวน
1.7 ในการทบทวนนั้นควรหาที่สงบ ถ้าหากอ่านในใจแล้วไม่มีสมาธิก็ให้อ่านออกเสียง
1.8 ในขณะที่ทบทวนบทเรียนนั้นไม่ควรทำกิจกรรมอื่นๆ ที่จะทำให้เสียสมาธิ เช่น ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ กินขนม เป็นต้น
1.9 ในกรณีเป็นสูตรคำนวณ ควรท่องให้จำได้และใช้สูตรให้ คล่องละสะดวกในการทบทวน
2. ระหว่างการสอบ เราควรจะปฎิบัติดังนี้
2.1 ควรไปถึงห้องสอบก่อนเวลาไม่น้อยกว่า 15 นาที และทำจิตใจให้สงบ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
2.2 เมื่อเข้าห้องสอบแล้ว ก่อนทำข้อสอบควรอ่านคำสั่งให้ชัดเจน สำรวจข้อสอบว่าครบ สมบูรณ์
2.3 เมื่อเริ่มทำข้อสอบจัดแบ่งเวลาในแต่ละข้อให้เหมาะสมกับคะแนนเพื่อให้เสร็จทันเวลา
2.4 ถ้าข้อสอบข้อใดยากให้เว้นไปก่อนอย่าเสียเวลาในการพยายามทำ ทำข้ออื่นๆ ไปก่อนเมื่อเวลาเหลือค่อยกลับมาทำในภายหลัง
2.5 การเขียนตอบควรเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ อ่านง่าย ใช้ภาษากะทัดรัด
2.6 กรณีข้อสอบแบบเลือกต้องทำทุกข้อ ข้อใดไม่แน่ใจให้เดาห้ามเว้น
2.7 เมื่อใกล้หมดเวลาประมาณ 5 นาที ให้สำรวจดูความเรียบร้อย เช่น การเขียนชื่อ เลขที่นั่งสอบ และวิชาที่สอบ
2.8 เวลาเพื่อนส่งก่อนกำหนดเวลาก็ไม่ต้องส่งตามเพื่อน
3. ระยะหลังสอบ เราควรปฎิบัติดังนี้
3.1 กรณีสอบต่อเนื่องหลายๆ วันหรือวันละหลายวิชา เมื่อสอบเสร็จวิชาใดให้ออกจากห้องสอบไม่ส่งเสียงรบกวนเพื่อนที่อยู่ในห้องสอบ และต้องไม่วิตก กังวลกับวิชาที่สอบไปแล้วควรตั้งใจทำวิชาที่จะสอบต่อไป
3.2 ถ้ามีการเฉลยข้อสอบ ควรพิจารณาถึงข้อพกพร่องว่าเราทำผิดเพราะเหตุใดจะได้หาทางปรับปรุงต่อไป
3.3 กรณีสอบตกวิชาใดให้ทำการติดต่อผู้สอน เพื่อขอสอบแก้ตัวและหาสาเหตุในการสอบตก เพื่อปรับปรุงตัวต่อไป