วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ประวัติวันคริสต์มาส


คริสต์มาส
คือ การฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม
คำว่า "คริสต์มาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ
ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า"
คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038
และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ในภาษาไทย "คริสต์มาส" ก็มีความหมาย
เช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า "เดือน"
เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ
คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก
เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X'mas คำว่า Merry
ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ" คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น
ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น
มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู
ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้
ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
ประวัติ....ซานตาคลอส
วันคริสต์มาสนี้เริ่มตั้งแต่คริสตวรรษที่4 มีนักบุญคนหนึ่งชื่อ "นิโคลาส "
หรือ "เซนต์นิโคลาส" ท่านเป็นนักบุญ ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเป็นเด็กหนุ่ม
ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสังฆราชแห่งแคว้นไมรา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี
ท่านได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมถ์ประจำชีวิตเด็ก เด็กในประเทศอังกฤษ จะเรียกคุณตาใจ
ดีว่า "คุณพ่อแห่งวันคริสต์มาส" ( Father Christmas )
เด็กเยอรมันนีเรียกว่า "ญาติแห่งพระคริสต์ " ( Christ Child )
เด็กชาวดัชท์เรียกว่า "ซาน นิโคลาส" หรือ "Sankt Klous"
ในที่สุดกลายเป็น "ซานตาคลอส" ติดปากเด็กๆทั่วโลก
ในปี ค.ศ. 1866 นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน ชื่อ โธมัส แนส เป็นคนแรกที่วาดภาพของ
ซานตาคลอสขึ้นมาลักษณะเหมือนที่เรา เห็นทุกวันนี้ ลงพิมพ์ในหนังสือ
"Horpers Weekly"เป็นครั้งแรกใบหน้าของซานตาคลอส
เป็นสีแดงอมชมพูเหมือนกลีบกุหลาบ จมูกแดงเหมือนผลเชอรี่สุก
นัยน์ตาสุกใสเป็นประกาย หนวดเคราสีขาวท่าทางใจดี ถึงแม้ซานตาคลอสจะเป็นเพียง
ตำนานที่เกิดขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสก็ตาม แต่ก็เป็นสัญลักษณ์
ที่รวมเอาวิญญาณและความหมายของคริสต์มาสไว้อย่างมากมาย คือความปิติยินดีชื่นชม
ความโอบอ้อมอารี ความรัก และความเป็นกันเอง

..ต้นคริสต์มาส.. ในสมัยโบราณหมายถึงต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน
และทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตั้งแต่ศตวรรษที่11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด
ถึงความหมายของคริสต์มาสและเอาตันไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลางเพื่อประดับฉากแสดงถึง
บาปกำเนิดของอาดัมและเอวาต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่าย
ที่สุดในประเทศเหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี
จนถึงศตวรรษที่15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง
เนื่องจากการแสดงนั้นกลายเป็นการเล่น เหมือน ลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง
และศาสนาซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดายที่
ไม่มีโอกาสดูละครสนุกๆแบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของ ตน
โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน เพราะต้นไม้เป็นจุดเด่นในลานวัด ที่เขาเคยร่วมสนุกกัน
จากนั้นก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ลและแขวนแผ่นขนมปังเพื่อระลึกถึงศีลมหาสนิท ซึ่ง
ก็มีวิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็กลายเป็นขนมและของขวัญ
อย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคล็ดลับการดูแลสุขภาพในหน้าหนาว


ลมหนาวมาเยือนอีกครั้ง ไม่เพียงพัดพาความหนาวมาเท่านั้น แต่ยังได้พัดพาเอาความแห้งกร้านมาเป็นของแถมด้วย หลายๆ คนคงประสบกับปัญหาในการดูแลตนเอง ทั้งเรื่องของผิว ผม ใบหน้า และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้นการดูแลทุกส่วนของร่างกายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการรับมือกับช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ เราก็มีเคล็ดลับการดูแลส่วนต่างๆ มาฝากกันค่ะ

เริ่มตั้งแต่การดูแลเส้นผม ในช่วงหน้าหนาวไม่จำเป็นต้องสระทุกครั้งที่อาบน้ำ เพราะการสระผมด้วยแชมพูสระผมบ่อยๆ จะทำให้เส้นผมแห้งแตกปลายได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้หนังศีรษะแห้งเกินไปจนเกิด
รังแคได้ และในการสระแต่ละครั้งควรใช้แชมพูในปริมาณน้อย แต่สำหรับผมที่แห้งมากควรใช้ครีมนวดผมร่วมกับแชมพูขณะสระผมด้วยจะดี หลังจากนั้นใช้ครีมหรือน้ำมันบำรุงเส้นผมทาเคลือบที่ปลายผมบางๆ หลังจากสระผมเสร็จ เพื่อลดประจุไฟฟ้าสถิตไม่ให้ผมฟู

การดูแลผิวหน้าก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะเป็นส่วนที่เห็นชัดที่สุด ในขณะที่ล้างหน้า ควรใช้น้ำเย็นแทนน้ำร้อนเพราะน้ำร้อนจะทำให้ความชุ่มชื้นของผิวหายไป และไม่ควรเช็ดหน้าแรงๆ แค่ซับเบาๆ ก็พอ เพราะยิ่งถูยิ่งขัดแรงหน้าจะยิ่งลอกมากขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวตาม ส่วนใครที่มีใบหน้ามันอยู่แล้ว ไม่ควรใช้โลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันเพราะจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น สุดท้ายถ้าผิวยังดูซีดเซียว เหมือนคนป่วยอีก ก็ต้องพึ่งเมคอัพกันหน่อยแล้วค่ะ ปัดแก้มโทนชมพูให้ดูมีเลือดฝาดนิดๆ แล้วเติมลิปกลอสหน่อยก็ดูสวยใสรับหน้าหนาวได้

และยิ่งอากาศเย็น แห้งแบบนี้อย่าปล่อยให้ริมฝีปากแห้งลอกนะคะ เพราะยิ่งปากแห้งเท่าไรในบางคนอาจถึงกับปากแตกจนมีเลือดออกได้ ดูแล้วเหมือนคนสุขภาพไม่แข็งแรง การเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยลิปปาล์ม (lip balm) สูตรเข้มข้น หรือลิปปาล์มที่ช่วยลดร่องบนริมฝีปากสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ค่ะ และในเวลาที่เราขัดหน้า เราควรขัดริมฝีปากไปด้วย แต่ควรเป็นครีมชนิดอ่อนๆ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่มๆ ถูเบาๆ และที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำมากๆ เพราะการดื่มน้ำจะช่วยให้ริมฝีปากของเราชุ่มชื้นจากภายในได้ด้วยคะ

สำหรับผิวกาย การพบเจอปัญหาผิวแตกแห้งในช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสาวๆ หลายคนได้เช่นกัน วิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ผิวสวยสดใส คือต้อง
ดื่มน้ำให้พอเพียงในแต่ละวัน ถ้าใครไม่ชอบดื่มน้ำก็ควรรับประทานผลไม้ที่มีน้ำมากๆ อย่าง แตงโม หรือส้มเข้าไปเพื่อทดแทน และไม่ควรอาบน้ำที่เย็นจัดหรือร้อนจัดจนเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีฟองมากๆ เพราะจะดึงความชุ่มชื้นไปจากผิว

หลังจากนั้นควรทาโลชั่นให้ทั่วร่างกาย บางคนทาเฉพาะแขนกับขาเท่านั้นต้องบอกว่ายังไม่พอ ควรดูแลให้ทั่วทั้งตัวไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลัง หน้าท้อง โดยเฉพาะบริเวณข้อศอก หัวเข่า และส่วนที่เราลืมใส่ใจนั่นก็คือใต้ฝ่าเท้าด้วย นอกจากนี้เราควรเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาล สายเดี่ยวหรือเกาะอกก็เก็บไว้ในตู้ก่อนดีกว่านะคะ

ส่วนมือที่แตกและแห้ง ควรพกครีมทามือติดตัวไว้ ก็จะช่วยให้ความชุ่มชื้นและยังทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย แต่ถ้าใครที่มือแห้งมาก ๆ แล้วล่ะก็แนะนำวิธีนี้เลยค่ะ ล้างมือให้สะอาด จากนั้นนวดด้วยน้ำมันมะกอกทิ้งไว้สักพัก ค่อยล้างออกด้วยน้ำสบู่ หลังจากล้างน้ำสะอาดแล้ว นวดด้วยแฮนด์ครีม ทำอย่างนี้ทุกวัน ไม่ช้าริ้วรอยแห้งแตกก็จะหายไปคะ

ส่วนสาวๆ ที่ต้องใช้มือสำผัสหรือเปียกน้ำตลอดเวลา ในช่วงหนาวนี้จะยิ่งรู้สึกแสบมือมาก อาจมีอาการบวมแดงและแตกได้ ควรป้องกันด้วยการสวมถุงมือยางกันน้ำเวลาซักผ้าหรือล้างชาม ถ้ามีอาการอักเสบอาจต้องใช้ครีมประเภทสเตียรอยด์ชนิดอ่อน ไม่ควรใช้ชนิดแรงเพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น

นอกจากนี้การทำกายบริหารให้กับมือ จะสามารถช่วยให้มือมีสุขภาพดีได้เช่นกันค่ะ วิธีง่าย ๆ เพียงกำมือแน่นๆสัก 2 - 3 นาที แล้วเหยียดออก ยืดนิ้วออกจากกันให้มากที่สุด ทำ 2 มือพร้อมกัน ซ้ำ 6 ครั้ง หลังจากนั้นคว่ำฝ่ามือไว้ข้างหน้า ให้นิ้วเหยียดตรง นิ้วทุกนิ้วชิดกันให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วแยกนิ้วออกไปกว้าง ๆ ทำซ้ำ 6 ครั้ง โดยทำ 2 มือ พร้อมกัน

มัวแต่ดูแลผิวหน้า ผิวกาย พอจะใส่รองเท้าเปิดส้นก็เจอส้นเท้าแตกเป็นร่องๆ เพราะฉะนั้นอย่าลืมขัด (Scrub) ผิวให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดลอกออกไปด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่นแล้วก็ขัดหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเพื่อเท้าโดยเฉพาะด้วยนะค่ะ หลังจากนั้นบำรุงด้วยครีมที่มีส่วนผสมของ
โจโจ้บา (jojoba) , อโวคาโด (avocado) และ วิตามินอี (vitamin E) ทาด้วยนะค่ะ และที่สำคัญก่อนนอนควรสวมถุงเท้าผ้าคอตต้อน (cotton) เสมอเพราะการสวมถุงเท้าจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นให้กับเท้าแถมยังจะทำให้เท้าเนียนนุ่มขึ้นได้อีกด้วย

เมื่อทราบเคล็ดลับดีๆในการดูแลตัวเองในหน้าหนาวแล้ว ก็อย่าลืมลองนำไปปฏิบัติดูนะคะ หนาวนี้ ทุกคนจะได้มีผิวสวย สุขภาพดี เดินออกจากบ้านได้อย่างสง่างามและมั่นใจกันทุกย่างก้าวค่ะ

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การเกิด BIG BANG

การเกิด Big Bang และการขยายของจักรวาล
จักรวาลที่เราอาศัยอยู่กำลังขยายเรารู้เพราะว่า เราเห็นแกเล็กซีและกลุ่มของแกเล็กซียังคงเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องในจักรวาล นี่เป็นการขยายตัวที่เกิดมาตั้งแต่จักรวาลได้ก่อรูปร่างเมื่อ 15 พันล้านปีมาแล้ว มันร้อนมากเป็นเหตุการณ์ที่รู้จักคือการเกิดบิกแบ๊ง
นี่เป็นหกคำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับการขยายตัวของจักรวาล
(1) ศูนย์กลางของจักรวาลอยู่ที่ไหน?
ไม่มีศูนย์กลางของจักรวาลเพราะว่าไม่มีขอบเขตของจักรวาล เป็นจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด อวกาศโค้ง ถ้าคุณเดินทางเป็นพันล้านปีแสงเดินทางไปเป็นเส้นตรง คุณจะวนกลับมาที่เดิม ยังสถานที่ที่คุณเริ่ม มันเป็นไปได้ที่ว่าจักรวาลของเราไม่มีที่สิ้นสุด จากตัวอย่าง กลุ่มของ แกเล็กซีจะเป็นส่วนเติมความสมบูรณ์ของจักรวาลและพวกมันได้เคลื่อนแยกออกจากกันทุกจุด ทำให้จักรวาลมีการขยายตัว(ดูจากคำถามที่ 2)

ตัวอย่างเล็กมากๆจักรวาลบรรจุดาวเพียงแค่ 48 ดวง ยานสำรวจที่บินไม่สามารถหาขอบของจักรวาล ถ้ามันเป็นทางออกของอีกด้านหนึ่งของจักรวาล มันจะเชื่อมต่อกับอีกด้านหนึ่งของจักรวาล คนที่อยู่ในยานจะเห็นจำนวนดาวไม่มีที่สิ้นสุดรอบๆ พวกเขา จักรวาลไม่มีขอบเขตและไม่มีศูนย์กลาง
(2) บิกแบ๊งเกิดเกิดในจักรวาลที่ไหน?
มีสมมติฐานขั้นพื้นฐานที่ว่าบิกแบ๊ง ได้มีการระเบิดซึ้งจะเกิดอวกาศว่างเปล่า ซึ้งการระเบิดจะเป็นการขยายพื้นที่ว่างในอวกาศ นี่เป็นสิ่งที่ผิด
อวกาศและเวลาที่ถูกสร้างจากบิกแบ๊งเป็นการเริ่มต้นของจักรวาล อวกาศถูกทำให้สมบูรณ์เมื่อมีการบรรจุสสาร สสารระยะแรกเริ่มร้อนมากและมีความหนาแน่นสูง เมื่อเย็นตัวลง ก็ผลิตเป็นดาวและแกเล็กซีที่เราเห็นในจักรวาลทุกวันนี้
ถึงแม้ว่าอวกาศอาจจะได้เคยรวมกันเป็นจุดๆเดียว ขณะที่เป็นบิกแบ๊ง มันมีความเป็นไปได้ ที่ว่าอวกาศไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อเกิดบิกแบ๊ง สิ่งที่เกิดขึ้นในอวกาศจะมีความสมบูรณ์มากขึ้นจะมี การบรรจุสสาร ซึ้งจะเริ่มการขยายตัว
ตรงกลางไม่ได้มีการขยาย จักรวาลเป็นแบบง่ายๆกับการขยายตัวทุกๆจุดจากการสังเกตทุกๆแกเล็กซี ดูจาก แกเล็กซีอื่นๆในจักรวาลดูหนีออกจากพวกเรา
นี่เป็นตำตอบกับคำถาม สถานที่บิกแบ๊งเกิด มันไม่ได้เกิดทุกหนทุกแห่งในจักรวาล
(3) โลกได้ขยายตัวออกไปพร้อมกับจักรวาลหรือ?
โลกไม่ได้มีการขยายตัวและไม่ใช่ทั้งระบบสุริยะหรือแกเล็กซีทางช้าวเผือก วัตถุที่ก่อรูปร่างภายใต้อิทธิพลของแรงโน้วถ่วง และบางส่วนได้หยุดการเคลื่อนที่ แรงโน้มถ่วงได้ยึดจับแกเล็กซีเข้าด้วยกันไปเป็นกลุ่มและเป็นกระจุกส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม และกระจุกของแกเล็กซี ที่มีการเคลื่อนที่แยกจากกันในจักรวาล
(4) ด้านนอกของจักรวาลเป็นอย่างไร?
อวกาศได้ถูกสร้างขึ้นในการเกิดบิกแบ๊ง จักรวาลของเราไม่มีขอบเขตหรือด้านนอกของวัตถุ --ไม่มีด้านนอกสำหรับจักรวาล ของเรา(ดูจากคำถามที่ 1)มันเป็นไปได้ที่ว่าจักรวาลของเราเป็นส่วนของจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด(ดูจากคำถามที่ 5) แต่จักรวาล ไม่จำเป็นต้องมี "อวกาศ" เพื่อการมีอยู่
(5) ก่อนการเกิดบิกแบ๊งเกิดอะไรขึ้น?
เวลาที่บิกแบ๊งได้ถูกสร้าง --เราไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนการเกิดบิกแบ๊ง นี่เป็นคำถามที่ยากต่อการตอบ บางทฤษฏีเสนอมาว่าจักรวาลของเราเป็นส่วนของจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด (ที่เรียกว่า "มีหลายจักรวาล")ซึ้งมีการ สร้างไปพร้อมๆกัน นี่เป็นไปได้แต่ยากต่อการพิสูจน์
(6) ถ้าจักรวาลอายุ 15 พันล้านปีแสงแกเล็กซีน่าจะเดินทางมาแล้ว 15 พันล้านปีแสง?
มันเป็นหลักฐานที่ว่า จักรวาลนี้เป็นจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ได้มีสสารที่เกิดทุกหนทุกแห่งตั้งแต่บิกแบ๊ง(ดูจากคำถามที่ 2) เป็นหลักฐานที่ดีสำหรับจักรวาลในระยะเริ่มซึ้งจักรวาลขยายตัวเร็วกว่าความเร็วแสง มันเป็นไปได้ที่อวกาศมีการขยาย แม้ว่าอนุภาคจะไม่ได้เดินทางด้วยความเร็วแสง มีอนุภาคที่เพิ่มขึ้มอย่างมากมายในอวกาศ
เราสามารถจินตนาการแกเล็กซีคล้ายกับลูกบอลบนวัสดุสี่เหลี่ยมช่วงที่เวลามีความยืดหยุ่นแทนถึงอวกาศ ถ้าเรายืดขยายวัสดุสี่เหลียม ลูกบอลก็จะมีการเคลื่อนตาม ลูกบอลที่อยู่ใกล้ชิดกันจะเคลื่อนที่แยกจากกันอย่างช้าๆ ลูกบอลที่มีขนาดความกว้างต่างกันจะเคลื่อนที่ แยกออกจากกันอย่างรวดเร็วสำหรับสสารและพลังงานในจักรวาล หรือเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงสสารและพลังงานที่บรรจุอยู่ในจักรวาล

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ราเกซ สักเสนา

เปิดปูม "ราเกซ สักเสนา" พ่อมดทางการเงิน ฝีมือทำ "โรคต้มยำกุ้ง"

ราเกซ สักเสนา ฉายา "พ่อมดการเงิน" อดีตที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ(บีบีซี)กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง หลังเงียบหายไปเกือบ 10 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์มณฑลบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา พิพากษายืนตามคำตัดสินของ นายมาร์ติน คูชอน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแคนาดา ที่จะให้ส่งตัวนายราเกซ มาให้ทางการไทยดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน และไม่ให้ประกันตัว

11-11-2008 12:48 คดีบันลือโลก เกิดจาก นายราเกซ มีโอกาสเข้ามาเป็นที่ปรึกษา นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ซึ่งถูกทางการไทยยื่นฟ้องเมื่อปี 2539 ฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์บีบีซี 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 3,000 ล้านบาท) อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ธนาคารเก่าแก่แห่งนี้ ต้องตกอยู่ในภาวะล้มละลายในปี 2538 นายเกริกเกียรติ นายราเกซ พร้อมพวก ใช้วิธีการปล่อยกู้ที่มีความเสี่ยงสูง และกิจกรรมที่ใช้เงินจำนวนหลายหมื่นล้านบาทให้พรรคพวกที่เป็นนักการเมือง จากนั้น ตบแต่งบัญชีให้มีผลกำไรนับพันล้านบาท ทั้งที่ขาดทุนย่อยยับ ทำให้ บีบีซี ต้องตกอยู่ในภาวะล้มละลายในปี 2538 เนื่องจากมีหนี้สิน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท) หลังจากนั้นไม่นาน สถาบันการเงินกว่า 50 แห่ง ก็ต้องปิดตัวลงจนเป็นเหตุให้เกิดการขาดความเชื่อมั่นในระบบธนาคารไทย และนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจการเงินในเอเชียหรือที่เรียกว่า "โรคต้มยำกุ้ง" ในปี 2540 การเปิดปมปัญหาการคอรัปชั่นในบีบีซีเริ่มต้นจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายแฉกลโกงบีบีซี ด้วยวิธีเซียนเรียกพี่ ต่อสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2539 ซึ่งตรงกับสมัย นายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ผลการอภิปรายในครั้งนั้น ทำให้ นายกฯบรรหาร สั่งให้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในขณะนั้น ดำเนินการสั่งปิดบีบีซี ตามมาด้วยปฏิบัติการล้างบาง ในธนาคารแห่งประเทศไทย กระทั่ง 17 พฤษภาคม 2539 กระทรวงการคลัง ได้ตั้งคณะกรรมการเข้าควบคุมธนาคารแห่งนี้แบบเบ็ดเสร็จจากนั้นนายเกริก เกียรติ เดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ก็กลับมาสู้คดีในประเทศไทยในเดือนถัดมา และเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2548 นายเกริกเกียรติ ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ตัดสินจำคุกรวมทั้งหมด 3 คดี คดีละ 10 ปี รวมเป็น 30 ปี และปรับรวมกันทั้งหมด 3,330 ล้านบาท ส่วน นายราเกซ หลบหนีไปประเทศแคนาดาตั้งแต่ปี 2539 และถูกทางการไทยออกหมายจับเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2539 จากนั้นถูกตำรวจแคนาดาจับกุมที่เมืองวิสต์เลอร์ มณฑลบริติช โคลัมเบีย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปีเดียวกัน แต่นายราเกซ ได้สู้คดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อจะไม่ต้องถูกส่งตัวกลับมาไทย โดยอ้างว่าถูกใส่ร้ายให้เป็นแพะรับบาป จากกลุ่มผู้บริหารบีบีซี และผู้กำกับดูแลระบบการเงินของไทย ซึ่งพยายามปกปิดเรื่องอื้อฉาวในบีบีซี และการต่อสู้คดีดังกล่าวได้จารึกไว้ ว่ากินเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์แคนาดา ต่อมาในปี 2546 นายมาร์ติน คูชอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแคนาดา ตัดสินให้ส่งตัวนายราเกซให้ทางการไทย แต่นายราเกซดิ้นรน ต่อสู้ในศาลอุทธรณ์ เพื่อที่จะไม่ต้องถูกส่งตัวกลับ โดยอ้างว่าถ้าถูกส่งกลับประเทศไทยอาจถูกสังหารหรือถูกขังในคุกอย่างโหดร้าย ทารุณ จนล่าสุดเมื่อศาลอุทธรณ์มณฑลบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา พิพากษายืนตามคำตัดสินของรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมแคนาดา ชะตากรรมของนายราเกซจึงอยู่ที่ผลการฎีกา ซึ่งจะตัดสินชะตากรรมของราเกซ ว่าจะจบลงอย่างไร ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินคดีนายราเกซ นั้น ตามกฎหมายของประเทศแคนาดาสามารถยื่นฎีกาภายในระยะเวลา 30 วัน เมื่อยื่นแล้วศาลฎีกาจะให้อัยการพิจารณาคัดค้านภายในระยะเวลา 30 วัน จากนั้นศาลจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับฎีกาหรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาไม่เกิน 60 วัน ซึ่งการพิจารณาจะรับฎีกานั้นมีเหตุผล 2 ประการ คือประการที่หนึ่ง คือต้องเกี่ยวกับความมั่นคง และผลประโยชน์ของประเทศแคนาดา และประการที่สอง คือ เกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เชื่อว่า เรื่องของนายราเกซ ไม่เข้าข่ายทั้งสองกรณี จึงคาดว่าศาลจะไม่รับฎีกาของนายราเกซ และถ้าศาลไม่รับฎีกาก็จะต้องส่งตัวนายราเกซมาดำเนินคดีในประเทศภายในระยะ เวลา 45 วัน นับจากวันที่ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาคดี สำหรับการประสานขอตัวนายราเกซมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้นเป็นไปตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา มีอัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางรับตัวนายราเกซ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย และสามารถดำเนินคดีต่อในประเทศไทยได้ทันที ส่วนฐานความผิดของนายราเกซ เป็นคดีร่วมกันยักยอกทรัพย์ และผิด พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ และคดียักยอกทรัพย์ ทั้งนี้ คดีความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ มีอายุความ 15 ปี จึงสามารถดำเนินคดีได้ทันที เมื่อนายราเกซกลับมาในประเทศไทย ส่วนคดียักยอกทรัพย์ที่มีอายุความ 10 ปี ไม่สามารถเอาผิดนายราเกซได้ เนื่องจากหมดอายุความไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2548

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การดูแลผิวเมื่อออกแดด


เข้าสู่ต้นเดือนเมษายน อากาศก็เริ่มร้อนขึ้นทุกวัน ตื่นเช้ามา แดดออกเปรี้ยงๆ อย่างกับเวลาเที่ยงวัน แตก็มีบางวันที่อากาศออกแนวแปลกๆ มีฝนตกลงมาให้คลายร้อนได้ในบางวัน เล่นเอาเราปรับตัวไม่ทัน ไม่สบายกันไปเป็นแถบๆ จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป อากาศร้อน แสงแดดแรงขึ้นทุกวัน และอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสงกรานต์ ที่เราจะต้องออกไปท้าแดด และสู้กับน้ำที่สาดเข้ามา ในช่วงกาลเล่นสงกรานต์ หนุ่มๆ สาวๆ ที่รักสุขภาพผิวเป็นชีวิตจิตใจ ก็คงไม่อยากให้ผิวที่อุตส่าห์ดูแลรักษามานาน ต้องเสียหรือหมองคล้ำ ไม่สวยใสเหมือนเดิมของเราหายไป เราจึงมีวิธีและเคล็ดลับการดูแลรักษาผิว ก่อนออกไปเที่ยวสงกรานต์มาฝากกัน….
ผิวไหม้จากแดด ช่วงเวลา 10.00-15.00 น. เป็นเวลาที่แสงแดดมีความรุนแรงมากที่สุด หากต้องอยู่กลางแจ้งในช่วงเวลานี้นานๆ จะมีโอกาสผิวไหม้แดงจากแดด บางคนอาจเกิดอาการบวม แดง พอง หรือมีไข้ คลื่นไส้ เป็นต้น
แพ้แดด อาการที่สำคัญคือ ผื่นหรือผื่นพอง โดยส่วนใหญ่เกิดจากปฏิกิริยาเสริม เช่น ยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น น้ำหอม เครื่องสำอาง เป็นต้น
มะเร็งผิวหนัง อันตรายที่น่ากลัวที่สุดจากแสงแดดคือ มะเร็งผิวหนัง หากได้รับแสงแดดแรงเกินไปหรือได้รับเป็นเวลานาน โดยไม่ได้ทาครีมป้องกันแสงแดด อาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆตีนกา รอยย่น ตีนกาที่เกิดบนใบหน้า แสงแดดเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด เมื่อต้องทำงานกลางแจ้ง จะทำให้ผิวหนังมีรอยย่น ตกกระ ดูแก่กว่าวัย ซึ่งการป้องกันควรทำตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี
กระ มักพบในผู้ที่มีผิวขาว ผิวบาง และเกิดขึ้นกับบริเวณผิวหนังที่ถูกแสงแดดมาก เช่น ใบหน้า กระจะมีสีและต่างกัน กระไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง เนื่องจากไม่กลายเป็นเนื้อร้าย สาเหตุของกระ มาจากแสงแดดและกรรมพันธุ์ สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมป้องกันแดด


วิธีปกป้องผิวจากแดด
**ทา โลชั่น / ครีมกันแดด ก่อนออกแดดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เนื้อครีมจะซึมซาบเข้าสู่ผิว เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแดดให้สูงขึ้น และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF (Sun Protect Factor) อย่างน้อย 15 เท่า เพราะค่า SPF ที่สูง จะสามารถปกป้องคุณจากแสงแดดได้ดีกว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำกว่า กรณีว่ายน้ำหรือเล่นน้ำ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดชนิดกันน้ำด้วย
**ผู้ที่ทำงานในที่ร่มหรือในห้องปรับอากาศ ควรทาครีมป้องกันแดด เพราะเป็นที่ที่มีแสงแดดลามเลียเข้ามาได้ ย่อมมีรังสี UV อยู่เสมอ
**ริมฝีปาก ควรทาลิปสติกที่มีสารกันแดด และควรสวมแว่นตากันแดด เพื่อถนอมสายตา**หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง ช่วงเวลาแดดแรงจัด ระหว่างเวลา 10.00-15.00 น.
**ผู้ที่หลงใหลในการอาบแดดหรือต้องการให้ผิวเป็นสีแทน ไม่ควรให้ส่วนใดส่วนหนึ่งโดนแสงแดดเพียงด้านเดียวเป็นเวลานานเกินไป**หากไม่สามารถหลบเลี่ยงการออกแดดได้ในขณะที่ไม่ได้ทาครีมกันแดด ควรทาครีมบำรุง (After sun) ทันที เมื่อผิวเริ่มแดง สารบำรุงในเนื้อครีมจะช่วยสมานผิวได้
เห็นไหมคะปัญหาเข้ามา ทางแก้ก็เกิด ทุกอย่างมีทางป้องกันทั้งสิ้นค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะนำวิธีการป้องกันนั้นมาใช้หรือเปล่า อย่างเรื่องที่นู๋ก้อยมาแนะนำในวันนี้ก็จะสามารถช่วยให้เพื่อนๆ ห่างไกลอันตรายที่เกิดจากแสงแดดได้ไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นก่อนออกจากบ้านไม่ว่าจะออกไปเที่ยว ลัลลา..หรืออกไปท้าแดด ท้าน้ำในช่วงวันสงกรานต์ ก็จะต้องดูแลผิวด้วยการป้องกันไม่ให้ผิวของเราเป็นอันตราย เราจะได้มีผิวสวย อ่อนวัยไปอีกนานๆ ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เทือกเขาแอลป์กับอากาศที่บริสุทธิ์และแหล่งน้ำที่สะอาดจนดื่อมได้


แอลป์ปกคลุมพื้นที่ถึง 2 ใน 3 ของออสเตรีย มันกินอาณาบริเวณกว้างจนเกือบถึงทางตะวันออกสุดของประเทศ นั่นคือ เวียนนา วิวทิวทัศน์อันงดงามและอากาศบริสุทธิ์ช่วยการันตีว่าผู้มาเยือนจะสามารถหลบหลีกความกดดันที่เผชิญอยู่ทุกวันและพบกับการพักผ่อนที่แท้จริงได้ที่นี่
ทั้งชาวออสเตรียและนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมายังสถานที่ซึ่งเปรียบเหมือนสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่แห่งนี้ตลอดทั้งปี พวกเขามาเพื่อทำกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็น การเล่นสกี ปีนเขา เดินเล่น ไต่เขา ขี่จักรยานภูเขา หรือแม้กระทั่งเล่นกอล์ฟสวนตามธรรมชาติ ที่มีพื้นที่ถึงร้อยละ 3 ของประเทศทำให้เห็นว่าออสเตรียมีภูมิประเทศอันหลากหลาย ซึ่งแต่ละที่จะมีบริเวณที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นธรรมชาติอยู่ ยกตัวอย่างเช่นเขตป่าฝน และ Virgin Forest ส่วนภูเขาที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Hohe Tauern คือภูเขาที่มีความสูงที่สุดของออสเตรียมีชื่อว่ากรอสล็อกแนร์ ภูเขาแห่งนี้มีความสูงถึงเกือบ 12,500 ฟุต หรือ 3,800 เมตรเลยทีเดียวหลังจากการขี่จักรยานภูเขามายาวนาน การได้จุ่มแก้วลงในหนึ่งในบรรดาทะเลสาบทั้ง 6,000 แห่งของออสเตรียเพื่อลิ้มรสน้ำดื่มสดชื่นเย็นฉ่ำคงเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ไม่น้อย ออสเตรียมีภาพพจน์ที่ดีระดับโลกในเรื่องของกีฬาทางน้ำและการแช่น้ำสาธารณะ และหนึ่งในนั้นเป็นเพราะคุณภาพอันยอดเยี่ยมของน้ำในทะเลสาบและแม่น้ำของออสเตรียนั่นเองออสเตรียเป็นประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีการอนุรักษ์น้ำอย่างดี ทำให้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำที่มีคุณภาพสูง และยังทำให้ผู้คนในภาคพื้นทวีปนี้ได้มีกินมีใช้กันด้วย

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ประวัติหอไอเฟล



หอไอเฟล (อังกฤษ: Eiffel Tower, ฝรั่งเศส: Tour Eiffel) หอคอยโครงสร้างเหล็ก ที่Champ de Mars บริเวณแม่น้ำแซน ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถานที่และสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) โดย กุสตาฟ ไอเฟล ผู้ออกแบบคนเดียวกับเทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 (พ.ศ. 2413) ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 2,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401 ฟรังก์ แรกๆที่หอไอฟสร้างเสร็จ หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่า หอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ. 2432 - 2473 ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ 5.5 ล้านคนต่อปี นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่การอ่านออกเสียงในภาษาฝรั่งเศสคือ /ɛ'fɛl/ อ่านเหมือนคำว่า "a-fell" และสำหรับคำในภาษาอังกฤษคือ /'aɪfəl/ อ่านเหมือนคำว่า "eye-full"


โครงสร้างหอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ด้านบนนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ในขณะที่ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432(ค.ศ. 1889) หอไอเฟลนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนโลก โดยถูกล้มตำแหน่งเมื่อเมืองนิวยอร์กได้สร้าง ตึกไครสเลอร์ สูง 319 เมตร(1046 พุต)น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้นเหตุการณ์พ.ศ. 2432(ค.ศ. 1889) หอคอยได้สร้างเสร็จ และเป็น 1 ในสิ่งก่อสร้างในงาน EXPOพ.ศ. 2473(ค.ศ. 1930) หอเสียตำแหน่งสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก ให้แก่ตึกไครสเลอร์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468-พ.ศ. 2477(ค.ศ. 1925-1934) ประดับไฟ 3 ด้านใน 4 ด้านของหอพ.ศ. 2483(ค.ศ. 1940) เมื่อนาซีเยอรมันสามารถยึดปารีสได้แล้ว ชาวฝรั่งเศสได้ตัดลิฟท์ออก ทำให้ฮิตเลอร์ต้องปีนบันได 1,665 ขั้น แต่เขาไม่ปีน เขาให้เอาธงเยอรมันไปปักไว้บนหอแทนพ.ศ. 2487(ค.ศ. 1944) เดือนสิงหาคม ฮิตเลอร์สั่ง Dietrich von Choltitz ให้เผาเมืองปารีส และหอทิ้ง แต่เขากลับฝืนคำสั่งไม่เผา เพราะว่าเขาเสียดายเมืองพ.ศ. 2499(ค.ศ. 1956) วันที่3 มกราคม ไฟไหม้ยอดของหอ และในปีเดียวกันนั้นก็ได้นำเสาอากาศวิทยุไปติ้งตั้งบนยอดด้วยทศวรรษที่ 1980 ได้มีการเคลื่อนย้ายรื้อร้านอาหารที่เก่าแก่ในหอออก ไปสร้างใหม่ในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกาแทนพ.ศ. 2543(ค.ศ. 2000) ได้มีการติดตั้งโคมไฟบนยอดของหอพ.ศ. 2545(ค.ศ. 2002) วันที่28 พฤศจิกายน หอไอเฟลต้อนรับแขกคนที่ 200 ล้านพ.ศ. 2546(ค.ศ. 2003) วันที่22 กรกฎาคม ไฟไหม้ยอดของหอ ในห้องเก็บของอีกครั้ง ใช้เวลาดับไฟประมาณ 40 นาที

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การเตรียมตัวสอบ

การสอบ หมายถึง การประเมินความรู้ความเข้าใจและการนำความรู้ไปใช้ของนักเรียนเกี่ยวกับบทเรียนที่ครูได้สอนไปแล้ว โดยใช้แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเองหรือแบบทดสอบมาตรฐานที่มีอยู่ โดยครูจะทำการสอบก่อนเรียน ระหว่างเรียน หรือหลังเรียนก็ได้ ซึ่งบางระดับชั้นอาจมีการประเมินคุณภาพการศึกษาระดับชาติการเตรียมตัวสอบ มี 3 ระยะ คือ1.ระยะก่อนสอบ เราควรจะปฎิบัติตนดังนี้
1.1 ควรสะสางงานที่ได้รับมอบหมายให้เรียบร้อย
1.2 ควรจะดูหนังสือล่วงหน้าก่อนสอบอย่างน้อย 1 เดือน
1.3 ควรจัดแบ่งเวลาในการดูหนังสือวิชาต่างๆ ให้เหมาะสมตามเนื้อหาที่สอบ
1.4 ระมัดระวังสุขภาพทั้งกายและสุขภาพจิตให้สมบูรณ์
1.5 วิชาที่เป็นเนื้อหาควรจดบันทึกย่อซึ่งจะช่วยให้จดจำเรื่องราวได้ดีแ
1.6 ควรอ่านหนังสือคนเดียวตามลำพัง จากนั้นไปรวมเป็นกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 2-3 คน เพื่อช่วยกันทบทวน
1.7 ในการทบทวนนั้นควรหาที่สงบ ถ้าหากอ่านในใจแล้วไม่มีสมาธิก็ให้อ่านออกเสียง
1.8 ในขณะที่ทบทวนบทเรียนนั้นไม่ควรทำกิจกรรมอื่นๆ ที่จะทำให้เสียสมาธิ เช่น ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ กินขนม เป็นต้น
1.9 ในกรณีเป็นสูตรคำนวณ ควรท่องให้จำได้และใช้สูตรให้ คล่องละสะดวกในการทบทวน
2. ระหว่างการสอบ เราควรจะปฎิบัติดังนี้
2.1 ควรไปถึงห้องสอบก่อนเวลาไม่น้อยกว่า 15 นาที และทำจิตใจให้สงบ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
2.2 เมื่อเข้าห้องสอบแล้ว ก่อนทำข้อสอบควรอ่านคำสั่งให้ชัดเจน สำรวจข้อสอบว่าครบ สมบูรณ์
2.3 เมื่อเริ่มทำข้อสอบจัดแบ่งเวลาในแต่ละข้อให้เหมาะสมกับคะแนนเพื่อให้เสร็จทันเวลา
2.4 ถ้าข้อสอบข้อใดยากให้เว้นไปก่อนอย่าเสียเวลาในการพยายามทำ ทำข้ออื่นๆ ไปก่อนเมื่อเวลาเหลือค่อยกลับมาทำในภายหลัง
2.5 การเขียนตอบควรเขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ อ่านง่าย ใช้ภาษากะทัดรัด
2.6 กรณีข้อสอบแบบเลือกต้องทำทุกข้อ ข้อใดไม่แน่ใจให้เดาห้ามเว้น
2.7 เมื่อใกล้หมดเวลาประมาณ 5 นาที ให้สำรวจดูความเรียบร้อย เช่น การเขียนชื่อ เลขที่นั่งสอบ และวิชาที่สอบ
2.8 เวลาเพื่อนส่งก่อนกำหนดเวลาก็ไม่ต้องส่งตามเพื่อน
3. ระยะหลังสอบ เราควรปฎิบัติดังนี้
3.1 กรณีสอบต่อเนื่องหลายๆ วันหรือวันละหลายวิชา เมื่อสอบเสร็จวิชาใดให้ออกจากห้องสอบไม่ส่งเสียงรบกวนเพื่อนที่อยู่ในห้องสอบ และต้องไม่วิตก กังวลกับวิชาที่สอบไปแล้วควรตั้งใจทำวิชาที่จะสอบต่อไป
3.2 ถ้ามีการเฉลยข้อสอบ ควรพิจารณาถึงข้อพกพร่องว่าเราทำผิดเพราะเหตุใดจะได้หาทางปรับปรุงต่อไป
3.3 กรณีสอบตกวิชาใดให้ทำการติดต่อผู้สอน เพื่อขอสอบแก้ตัวและหาสาเหตุในการสอบตก เพื่อปรับปรุงตัวต่อไป

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

5วิธีเอาตัวรอดจากฟ้าผ่า

1.อย่าเข้าไปในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเบื้องต้นสอบถามไปที่กรมอุตุนิยมวิทยา นายวิบูลย์ นาคสุข ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ กรมอุตุนิยมวิทยากล่าวว่าวิธีเลี่ยงที่ดีที่สุดคืออย่าเข้าไปในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าอยู่ใกล้ต้นไม้สูง และพยายามหลบเข้าอาคาร หาที่กำบังที่เป็นลักษณะอาคาร แต่ถ้าติดอยู่ในที่โล่งแจ้งก็ให้ทำตัวเองให้เตี้ยที่สุด รวมถึงหลีกเลี่ยงการพกพาสื่อนำไฟฟ้าที่เป็นโลหะ พร้อมทั้งให้ข้อสังเกตว่า หากเห็นสายฟ้าแลบ ฟ้าผ่าในลักษณะตรงๆ หรือเอียงไม่เกิน 45 องศา แสดงว่าพายุกำลังเคลื่อนตัวมาหาเรา หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง แต่ถ้าลักษณะฟ้าแลบ ฟ้าผ่าเอียงเกิน 45 องศา แสดงว่าพายุกำลังเคลื่อนตัวหนีจากตำแหน่งที่เราอยู่
2.อยู่ในอาคารที่มีสายล่อฟ้าปลอดภัยกว่าอาคารที่ไม่มีสายล่อฟ้าทางด้าน น.ส.อุมาภรณ์ เครือคำวัง นักวิชาการผู้ดูแลกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าวว่าวิธีป้องกันตัวเราจากฟ้าผ่าได้ดีที่สุดคือ การอยู่ในอาคารที่มีสายล่อฟ้าระหว่างเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่า แต่การอยู่ในอาคารที่ไม่มีสายล่อฟ้าก็จะไม่ช่วยให้เกิดความปลอดภัยจากฟ้าผ่าได้เลย ส่วนการขับรถหรืออยู่ในรถระหว่างมีฟ้าร้องฟ้าผ่านั้น เชื่อว่ามีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้น้อย ซึ่งน่าจะเพราะเป็นรถยนต์มีโลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ไม่ดีนัก“โดยทั่วไปแล้วโลหะทั้งหลายจะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี เช่น เงินและอลูมิเนียม หากเราสวมหรือถืออุปกรณ์โลหะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นจี้หรือสร้อยโลหะ หรือแม้กระทั่งร่มที่มีปลายโลหะยอดแหลมในที่โล่งแจ้ง เช่น กลางทุ่งนา ในระหว่างที่เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าก็มีโอกาสเกิดฟ้าผ่าได้ ทั้งนี้ต้นไม้ใหญ่กลางที่โล่งแจ้งก็มีโอกาสชักนำให้เกิดฟ้าผ่าได้มากเช่นกัน ซึ่งฟ้าผ่ามักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงรอยต่อฤดูกาลคือ รอยต่อระหว่างฤดูร้อนและฤดูฝนที่มีโอกาสเกิดมากที่สุด และรอยต่อระหว่างฤดูฝนกับฤดูหนาว”
3.ไม่ควรเปิดทีวีระหว่างฟ้าร้องฟ้าผ่า พร้อมกันนี้ น.ส.อุมาภรณ์ ได้แนะการใช้เครื่องไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าว่าไม่ควรเปิดโทรทัศน์โดยเด็ดขาด เพราะอาจเกิดฟ้าผ่ามาที่เสาอากาศนอกบ้านซึ่งเชื่อมต่อกับโทรทัศน์ หากเกิดฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าปริมาณสูงจะไหลเข้าที่โทรทัศน์มาก ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และได้รับความเสียหายได้ เว้นแต่โทรทัศน์ที่มีการต่อสายดิน ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงลงได้บ้างขณะที่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้าน อาทิ วิทยุ คอมพิวเตอร์ ก็ไม่น่าจะเกิดฟ้าผ่าได้ เพราะไม่มีเสาอากาศคอยรับประจุไฟฟ้าจากอากาศ เว้นแต่จะนำไปใช้กลางแจ้ง ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรศัพท์มือถือ หากพูดสายขณะที่มีฟ้าร้องฟ้าผ่าก็มีโอกาสที่จะถูกฟ้าผ่าได้เช่นกัน จึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงงดใช้ในเวลาดังกล่าว
4.หากอยู่ที่โล่งให้นั่งยองๆ ขาชิดกันขณะที่ ด้าน ดร.คมสัน เพ็ชรรัตน์ หัวหน้าห้องจำลองฟ้าผ่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า อยู่ในบ้านหรือในอาคารและเลี่ยงไม่อยู่กลางแจ้งก็เพียงพอแล้วสำหรับการป้องกันตัวเองจากภัยฟ้าผ่า และการอยู่ในรถยนต์ก็ปลอดภัยพอสมควร ส่วนกรณีที่อยู่กลางแจ้งและไม่สามารถหาที่ที่เหมาะสมกว่าได้ ก็ให้นั่งทำตัวอยู่ต่ำมากที่สุดคือ นั่งยองๆ ขาชิดกันที่พื้น แต่ห้ามนอน ซึ่งวิธีนี้ก็จะลดความเสี่ยงได้มาก โดยข้อห้ามหนึ่งระหว่างเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าคือ ห้ามอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เพราะฟ้ามักจะผ่าลงที่สูง การหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่จึงไม่ปลอดภัย“ตามสถิติฟ้าผ่ารุนแรงที่สุดจะมีกระแสไฟฟ้ามากถึง 2 แสนแอมแปร์ โดยทั่วไปหากคนเราโดนฟ้าผ่าก็จะตายสถานเดียว เพราะจะมีความร้อนจำนวนมากไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายไปพร้อมๆ กับกระแสไฟฟ้า ทำให้น้ำในเซลล์ระเหยออกมาและทำให้เซลล์แห้งตาย โดยหากกระแสไฟฟ้าไหลเข้าหัวใจๆ เซลล์หัวใจก็จะไหม้และหัวใจจะหยุดเต้น จึงไม่สามารถจะช่วยชีวิตได้ ส่วนในรายที่โชคดีจริงๆ ซึ่งรอดจากฟ้าผ่าได้ ก็เนื่องมาจากกระแสไฟฟ้าไม่ได้ไหลเข้าสู่ร่างกายหรือไหลเข้าสู่ร่างกายน้อย แต่กระแสไฟฟ้าส่วนมากจะไหลจากผิวหนังไปลงดิน ทำให้มีบาดแผลเป็นรอยไหม้ที่ผิวหนังเท่านั้น”ส่วนการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าระหว่างฝนตกฟ้าคะนอง ดร.คมสัน อธิบายว่า อุปกรณ์ที่ต้องเสียบปลั๊กไฟทุกชนิดมีโอกาสได้รับความเสียหายจากฟ้าผ่าทั้งสิ้น ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้โดนฟ้าผ่าตรงๆ แต่ก็อาจมีแรงดันเกินเกิดขึ้นกับสายไฟฟ้าในบริเวณใกล้เคียงกับที่โดนฟ้าผ่าแล้วไหลเข้าสู่เครื่องใช้ไฟฟ้าทำให้เกิดความเสียหายในที่สุด อย่างไรก็ดี สำหรับในกรณีของโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น เชื่อว่าไม่น่าจะได้รับอันตรายจากฟ้าผ่าแต่อย่างใด ไม่ว่าจะอยู่ในระหว่างการใช้งานหรือไม่ก็ตาม
5.เก็บ “มือถือ” สื่อล่อฟ้าทางด้าน นายสรรเสริญ ทรงเผ่า วิศวกรฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เจ้าของผลงาน “ระบบป้องกันฟ้าผ่า” ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2548 สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่าวิธีที่ดีที่สุดคืออย่าอยู่ในที่โล่งแจ้ง หากอยู่ในที่โล่ง เช่น สนามกอล์ฟ ให้รีบกลับเข้าอาคาร ซึ่งการอยู่ในรถยนต์หรืออาคารจะปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะอาคารที่มีระบบป้องกันฟ้าผ่า และไม่ควรพกพาวัสดุวัสดุที่เป็นโลหะ เนื่องจากจะมีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้มาก ส่วนโทรศัพท์มือถือก็เป็นสื่อล่อฟ้า เนื่องจากมีแผ่นโลหะ สายอากาศและแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนผสมของโลหะนอกจากนี้ร่มกันฝนที่เราใช้กันนั้นมีแกนกลางที่เป็นโลหะซึ่งเป็นตัวล่อฟ้าได้ แต่โอกาสมีที่ฟ้าจะผ่าน้อยมาก ทั้งนี้วิศวกรจากทีโอทีอธิบายว่า ส่วนใหญ่เราจะกางร่มกันฝนในช่วงที่ฝนตกหนักซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฟ้าผ่าน้อยลง แต่ฟ้าจะผ่าหนักในช่วงก่อนเกิดฝน พร้อมทั้งอธิบายว่าขณะเกิดฟ้าผ่าใต้ต้นไม้ใหญ่จะมีแรงดันที่พื้นดิน ทำให้คนที่อยู่ใต้ต้นไม้ได้รับอันตรายเนื่องจากกระแสไฟฟ้าจะวิ่งผ่านขาข้างหนึ่งไปยังขาอีกข้างหนึ่ง ทำให้เกิดอาการ “ช็อก”

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ประวัติ วันต่อต้านยาเสพติด



"สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ" ได้มีมติกำหนดให้ วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันต่อต้านยาเสพติดโลก" ซึ่งประเทศไทยหนึ่งในประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ได้แสดงเจตนารมณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ทั่วโลก ด้วยการจัดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดเป็นประจำเสมอมา ดังนั้น เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ประชาชนไทยเกิดความตระหนักว่ายาเสพติดเป็นปัญหาของคนไทยทั้งชาติ ที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไข สำนักงาน ป.ป.ส. จึงขอเชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมกัน "สวมเสื้อสีขาว" โดยพร้อมเพรียงกันในวันต่อต้านยาเสพติดโลก

ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหายาเสพติด มาเป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งใน พ.ศ. 2501 คณะปฏิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 37 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2501 ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักรโดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ 30 มิถุนายน 2502 หลังจากนั้นปี พ.ศ. 2504 รัฐบาลได้จัดตั้ง “คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ” ใช้ชื่อย่อว่า ปปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ

ต่อมาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลได้เล็งเห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2519

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบที่ดีขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรม กรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันสำนักกระทรวงยุติธรรม ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ประเทศไทย สำนักงาน ป.ป.ส.ในฐานะหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศมาโดยตลอด ได้นำมติเรื่องวันต่อต้านยาเสพติดขององค์การสหประชาชาติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2531 ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กำหนดวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531เป็นต้นมา

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ที่มาของวันสุนทรภู่


ที่มาของวันสุนทรภู่

องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและเผยแพร่ผลงาน ด้านวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่างๆ ทั่วโลก ด้วยการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ 100 ปีขึ้นไป ประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกให้ปรากฎแก่มวลสมาชิกทั่วโลก และเพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองร่วมกับประเทศที่มีผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ

ในการนี้ รัฐบาลไทยโดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เพื่อให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและได้ประกาศยกย่อง "สุนทรภู่" ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก โดยในวาระครบรอบ 200 ปีเกิด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันสุนทรภู่ขึ้น เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานของสุนทรภู่ ให้แพร่หลายในหมู่เยาวชนและประชาชนชาวไทยมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทางรัฐบาลจึงได้กำหนดให้ วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปีเป็น "วันสุนทรภู่" ซึ่งนับแต่นั้น เมื่อถึงวันสุนทรภู่ จะมีการจัดงานรำลึกถึงสุนทรภู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ที่พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ "วัดเทพธิดาราม" และ ที่จังหวัดระยอง และมีการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติคุณและส่งเสริมศิลปะการประพันธ์บทกวีจากองค์กรต่างๆ โดยทั่วไป

ทั้งนี้ ผลงานของสุนทรภู่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมาไม่ขาดสาย และมีการนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ เช่น หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงละคร มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ไว้ที่ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบิดาของสุนทรภู่ และเป็นกำเนิดผลงานนิราศเรื่องแรกของท่านคือ นิราศเมืองแกลง

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ฝรั่งเศส ดินแดนแห่งเทศกาล


ฝรั่งเศส ดินแดนแห่งเทศกาล


งานฉลองที่มีสีสันและสนุกสนานตั้งแต่เช้ายันค่ำ จะหมุนเวียนจัดกันไปจัดตามเมืองต่างๆ ทั่วฝรั่งเศส
งานเทศกาลที่จัดกันในปัจจุบันล้วนเป็นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต หมู่บ้านแต่ละแห่งจะต้องมีงานฉลองของตน และในแต่ละเมืองจะต้องมีเทศกาลของดีของเด่นประจำปีไว้สนุกสนานกัน เช่น งานเดินขบวนคนยักษ์ (คนต่อขา) ของทางตอนเหนือของฝรั่งเศส งานคาร์นิวัลเมืองนีซ (Nice) งาน Ferias เมืองนีมส์ (Nîmes) และเมืองอาร์ล (Arles) งานประจำปีเมืองบายอน (Bayonne) หรือเมืองเบซิเยส์ (Béziers) ฯลฯ งานเหล่านี้เป็นที่รวมความสนุกสนานของชาวเมืองซึ่งยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นให้มาร่วมความบันเทิงด้วยกัน นอกจากงานเทศกาลต่างๆ ในเขตภูมิภาคแล้ว ฝรั่งเศสยังมีงานสำคัญประจำปีระดับชาติอีก 2 งาน ซึ่งทุกเมืองจะเฉลิมฉลองพร้อมๆ กัน งานแรกคืองานวันชาติ 14 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันสำคัญที่เปิดตัวด้วยการสวนสนามของทหารเหล่าต่างๆ และจัดขึ้นอย่างใหญ่โตที่ถนนชองส์-เอลิเซ่ส์ (Champs-Elysées) อันเลื่องชื่อของปารีส พอถึงกลางคืนจะมีการจุดดอกไม้ไฟที่สวยงามตระการตา และมีงานเต้นรำที่สนุกสนานแบบฝรั่งเศสแท้ ส่วนตามเมืองใหญ่ๆ มักจัดการแสดงดนตรีกลางแจ้งให้ชมกันโดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู งานใหญ่งานที่สองคือ เทศกาลดนตรีซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 21 มิถุนายน เทศกาลนี้เปิดโอกาสให้คนรักดนตรีทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นได้แสดงความสามารถกันเต็มที่และสุดเหวี่ยงในท้องถนนและทุกหนทุกแห่ง นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเพลงคลาสสิค ละคร ละครสัตว์ และอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี เพียงเท่านี้คุณก็คงพอรู้แล้วว่าในฝรั่งเศสความสนุกสนานเพลิดเพลินนั้นไม่มีการเว้นวรรคจริงๆ


สำหรับคนนอนไม่หลับ


ราตรีที่หวานซึ้งหรือค่ำคืนที่เฮฮาเป็นบรรยากาศที่คุณเลือกได้ในสถานบันเทิงที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง ถ้าคุณชอบดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในบรรยากาศที่เป็นกันเองแล้วล่ะก็ ตามเมืองใหญ่ๆ ของฝรั่งเศสมีบาร์ซึ่งเปิดเพลงทุกสไตล์ให้เลือกตามรสนิยม ทั้งลาติโน แจ๊ซ ไลท์ มิวสิค เว็บ เทคโน หรือแม้แต่เพลงอาหรับ... และถ้าใครยังไม่เหนื่อยอยากไปเต้นรำต่อ ก็ยังมีสถานบันเทิงขนาดยักษ์ที่เปิดเพลงมันๆ หลายสไตล์โดยดีเจจากทั่วโลก ให้นักดิ้นเท้าไฟได้สะบัดในทุกท่วงท่า ทั้งฮิปฮอป แจ็ซ โซล หรือเพลงแอฟริกัน ส่วนคุณที่ชอบลีลาศแบบหรูหรือบอลรูมแบบเก่าย้อนยุค ก็รับรองว่าไม่มีวันผิดหวัง และเมื่อยามเช้ามาถึงแต่คุณยังมีแรงเที่ยวต่อ ก็ยังมีที่ที่คุณจะได้สนุกส่งท้ายกันอีก
คุณอยากไปร่วมงานคาร์นิวาลที่สนุกสนานสุดเหวี่ยงที่มาร์ตินิกหรือที่กัวดาลูป
คุณจะไปเที่ยวเมืองน็องต์ (Nantes) ในแคว้นเปย์ เดอ ลา ลัวร์ (Pays de la Loire) ในช่วงงานคาร์นิวัล

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วิธีดูแลตัวเองเมื่อต้องนอนดึก



การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับเครื่องยนต์ overload ไม่ช้าเครื่องก็พังวิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก (เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว)ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก

1. ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า

2. ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้ระบบการย่อยอาหารท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไป ถ้าไม่นอนดึกอุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทอง แต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษอะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้าแนวทางแก้ไข ให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนัก ยิ่งนอนดึกแม้เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อสัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวารจะถามหา (ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนมแทนไข่)ท้องผูก มี 2 ลักษณะ

1. ผูกแข็ง คือ อุจจาระแข็ง

2. ผูกเหลว คือ อาการถ่ายอุจจาระไม่หมด ยังค้างอยู่ แต่ลำไส้ล้า กระเพาะอาหารล้า ทำให้ไม่มีแรงบีบให้ออกจนหมดดังนั้นในวันหนึ่งๆ จึงต้องถ่ายหลายครั้ง โรคที่จะตามมาก็คือ ผื่นคันบริเวณขาหนีบ (ไม่ใช่เพราะความสกปรกหมักหมม) จะคันทั้งวัน ปกติอุจจาระจะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ถ้าแข็งแสดงว่าส่วนที่เป็นน้ำได้ซึมกลับเข้ามาในลำไส้ ซึ่งมันเป็นของเสีย ที่ต้องขับออก ผลก็คือทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะมาประทุบริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่นที่ขาหนีบ สาเหตุก็มาจากท้องผูกนั่นเองเพราะฉะนั้น อย่านอนดึก ถ้าต้องดึกก็ให้ออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลัง จะได้รีดอุจจาระออกมาได้เร็วทานเสร็จแล้วอย่านอน ให้เดินสักครึ่งชั่วโมง เพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องไปกับขาด้วย จะช่วยทำให้ย่อยได้ดีขึ้น ท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ถ้ายังไม่หาย (เนื่องจากอายุมาก) ให้ทานน้ำขิงสด (ไม่ใช่ขิงผงเป็นซองๆ) พวกที่นอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆ ให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หาถุงเท้ามาใส่ มิฉะนั้นเท้าจะชาระบบปัสสาวะถ้านอนไม่ดึก ประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่ง กลางดึกจะต้อง ลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย overload ต้องการน้ำมาก กล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อย ทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35 ขึ้นไปจะยิ่งแย่แนวทางแก้ไข ให้ทานแคลเซี่ยมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอก คืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท (ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวด และทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย) ถ้าไม่ทานแคลเซี่ยมชดเชย จะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจางสรุปแล้วการอดนอน เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเองการนอนดึกต้องดื่มน้ำให้มาก และเติมเกลือในน้ำด้วย คือพอเราดื่มแล้วมันออกมาหมดทั้งทางปัสสาวะและเหงื่อ เราทานเกลือมากๆ ยังออกทางเหงื่อได้ แต่ถ้าทานแคลเซี่ยมมากทำให้กระดูกงอก ส่วนโค้ก เป๊ปซี่ กระทิงแดง อย่าทาน พอเราอยู่ดึกและกลั้นปัสสาวะ มันจะซึมกลับเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะไปประทุที่ขาหนีบ หรือท้องแขนเป็นเม็ดแดงๆ เป็นจ้ำขึ้นทั่วเลย บางคนไม่กลั้น แต่ดื่มน้ำน้อย อาการก็จะเหมือนกับการโม่แป้งฝืดๆ ลำไส้บีบตัวไม่ไหว ต้องเค้น ก็จะเพลีย แต่ถ้าดื่มน้ำมาก ทำให้ถ่ายสบาย ถ้าดื่มน้ำน้อยจะทำให้กรดยูเรียเข้มข้น พอเรากลั้นปัสสาวะมันก็จะซึมเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ถ้ากลั้นบ่อยๆ จะทำให้ปัสสาวะไม่หมดระบบเหงื่อคนที่ไม่มีเหงื่อออก จะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบาย ถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัด ของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น เพราะฉะนั้น ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนักระบบหายใจระบบหายใจจะเสียตามมา ร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้น ถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัด เพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไป ทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ได้แนวทางแก้ไข ให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย การดื่มน้ำหวานๆ ตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึก ดึกได้เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า การใช้สบู่ ให้ใช้สบู่เด็ก เพราะเป็นสบู่อ่อน การกัดจะน้อย อย่าใช้สบู่แรงๆ ให้ฟอกสบู่วันละครั้งก็พอ ถ้าฟอกวันละหลายๆ ครั้งไขมันจะหมด จะทำให้ผิวแตก ถ้าคันมากๆ อันเนื่องมาจากการนอนดึก ถ้าเราไม่ทราบเราจะยิ่งฟอกสบู่หนักเข้าซึ่งไม่ดี ให้ฟอกวันเว้นวัน การดูแลรักษาร่างกายให้ดี จะทำให้นั่งสมาธิได้ดี นั่งได้นาน ไม่คัน ไม่เข้าห้องน้ำบ่อยเมื่อคุณรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าหักโหมทำงานมากไปจนลืมดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองด้วยแล้วกัน

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วิธีเรียนภาษาให้ได้ผลดี


ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างทุกวันนี้ ภาษาที่สองและสาม สี่ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัญ ฯลฯ คือสิ่งจำเป็นที่จะทำให้คุณดูโดดเด่น และแตกต่างจากคนอื่น และนี่คือเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเรียนภาษาต่างประเทศให้ได้ผล


1.ยอมรับความจริง ไม่มีใครพูดภาษาที่สองได้ตั้งแต่เกิด ทุกคนต้องใช้เวลาในการเรียนรู้กันทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าจะต้องเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น


2.เรียนรู้ทีละนิด จากการศึกษาพบว่า การทบทวนเป็นระยะเวลาสั้นๆ อย่างเช่น ในระหว่างทานอาหารเช้า ในขณะอาบน้ำ หรือในขณะเดินทาง จะส่งผลให้คุณจดจำได้ดีกว่า


3.ท่องศัพท์ ยิ่งคุณรู้ศัพท์มากเท่าไหร่ คุณก็สามารถพูดและเข้าใจได้มากขึ้นเท่านั้น เทคนิคในการจดจำคำศัพท์ คือ พกการ์ดใบเล็กๆที่เขียนคำศัพท์ (ที่มีคำแปลอยู่ด้านหลัง) ไปกับคุณทุกที่


4.ฝึกหัดอย่างจริงจัง อย่าแค่ทำปากขมุบขมิบหรือท่องเอาไว้ใสใจ พูดหรืออ่านออกมาดังๆ ในทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อจะได้ฝึกปากของคุณให้เคยชินกับการออกเสียง


5.ทำการบ้าน การทำการบ้านคือการฝึกฝนทักษะการใช้ภาษาให้เป็นไปอย่างแม่นยำ จนกลายเป็ความชำนาญ และสามารถทำออกมาได้อย่างอัตโนมัติในที่สุด


6. จับกลุ่มเรียน หาเวลาทบทวน ทำการบ้าน หรือแค่ฝึกพูดภาษานั้นๆ กับเพื่อนๆ เป็นประจำ ซึ่งจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องให้กันและกันได้ แถมยังทำคุณจดจำได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย


7.หาจุดอ่อน คุณควรหาจุดอ่อนในการเรียนของตัวเองให้เจอ เพื่อที่จะได้เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ อย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนเงียบๆ และไม่ค่อยมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ก็บังคับตัวเองให้เลือกที่นั่งแถวหน้าในห้องเรียนซะ


8. หาโอกาสในการใช้ภาษา เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับภาษานั้นๆ ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเจ้าของภาษาเช่าหนังที่พูดภาษานั้นๆ มาดูหรือแม้กระทั่งหาแฟนที่เป็นเจ้าของภาษานั้นซะเลย


9. ทุ่มความสนใจ พูดง่ายๆ ก็คือ หายใจเข้าออกก็ให้เป็นภาษานั้น เรียนรู้ภาษานั้นๆ ทั้งในและนอกห้องเรียนอย่างจริงจังและเต็มที่ถึงขนาดถึงขนาดถ้าฝันได้ก็อาจฝันเป็นภาษานั้นๆ ด้วย


10. ปรึกษาผู้รู้ ถ้ามีปัญหาหรือติดขัดอะไร ก็ต้องสอบถามครูผู้สอนหรือเจ้าของภาษานั้นทันที เพื่อทำลายกำแพงที่เป็นอุปสรรคในการเรียนออกไปให้เร็วที่สุด คุณจะได้ไม่ต้องสะดุดอยู่นานเกินไปซึ่งนั้นอาจทำให้คุณเกิดความเบื่อหน่ายได้

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552



วันชาติฝรั่งเศสตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันแห่งการปฎิวัติการปกครองจากระบบเจ้าขุนมูลนายไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ โดยประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองแบบยุกโบราณจนกระทั้งได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกจากบุกเข้าทลายคุกบาสติลที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ประชาชน เมื่อ 209 ปีก่อนและนำไปสู่การล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สำเร็จ โดยสมัชชาแห่งชาติได้กำหนดโครงสร้างกฏหมายฉบับใหม่ที่ยกเลิกการให้ความมีเอกสิทธิ์ ขจัดเรื่องสินบนและล้มเลิกระบบฟิวดัล(ระบบศักดินา) จากนั้นต่อมาจึงมีการจัดงานฉลองแห่งชาติขึ้นเรียกว่า "The Feast of the Federation" เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์จลาจลที่กองกำลังแห่งชาติจากทั่วประเทศได้เดินทางรวมพลกันที่ "Champs-de-Mars" ในกรุงปารีส แต่พอหลังจากนั้นการจัดงานฉลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ของวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2332 ก็ต้องหยุดไปเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงไม่สงบเกิดสงครามปฏิวัติขึ้นหลายครั้งในช่วงระยะเวลาปี พ.ศ.2335-2345 และมาในสมัย "the Third Republic*"นี้เอง รัฐบาลจึงได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ โดยมีการผ่านร่างกฎหมายฉบับเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2423 ขึ้นมา ซึ่งกำหนดให้วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปีเป็น "วันชาติฝรั่งเศส"และได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งแรกขึ้นในปีเดียวกันนั้น
ทั้งนี้งานจะเริ่มตั้งแต่ค่ำของวันที่ 13 โดยจะมีการแห่คบเพลิงและล่วงเข้าวันรุ่งขึ้นเมื่อระฆังตามโบสถ์วิหารต่าง ๆ หรือเสียงปืนดังขึ้นนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่างานฉลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ เริ่มจากริ้วขบวนการสวนสนามของเหล่าทัพ จากนั้นเมื่อถึงช่วงเวลากลางวันประชาชนจะร่วมฉลองด้วยการเต้นรำอย่างรื่นเริงสนุกสนานไปตามท้องถนนและมีการจัดเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริกจนถึงเวลาค่ำ ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการจุดพลและการละเล่นดอกไม้ไฟที่ถือประเพณีปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีสิ่งสร้างความบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายที่จัดขึ้นทั่วประเทศทั้งการจัดการแข่งขันกีฬา การจัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้า โดยไม่มีชาวฝรั่งเศสคนใดจะละเลยไม่นึกถึงและร่วมฉลองในวันสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศครั้งนี้

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

31 พฤษภาคม วันงดสูบบุหรี่โลก


ความเป็นมา : เริ่มมีการจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลกในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ.1988 โดยองค์การอนามัยโลก เนื่องจากเล็งเห็นอันตรายของบุหรี่ต่อสุขภาพ ของผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่ การจัดงานวันงดสูบบุหรี่โลก ก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่เลิกสูบ และให้รัฐบาลชุมชนและประชากรโลก ตระหนักถึงความสำคัญและเข้าร่วมกิจกรรม
การสูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่เป็นประจำเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง และโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้มีโอกาสเกิดโรคบางโรค มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับควันบุหรี่ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค บุหรี่ยังทำให้เสียทรัพย์โดยไม่จำเป็นอีกด้วย
องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจนว่า การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ที่สามารถป้องกันได้ และกำหนดให้ วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปีเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ( World No Tobacco Day) ซึ่งในปีนี้ ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์เพื่อให้ทุกภาคส่วนดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน และให้บุคลากรสาธารณสุขมีส่วนร่วมในการรณรงค์ควบคุมการบริโภคยาสูบ ภายใต้คำขวัญว่า “Health Professionals Against Tobacco” หรือ “ ทีมสุขภาพร่วมใจ ขจัดภัยบุหรี่” โดยกระทรวงสาธารณสุขและเครือข่ายได้กำหนดให้ใช้ดอกลีลาวดีเป็นสัญลักษณ์ในการรณรงค์
โทษของการสูบบุหรี่
1. โรคมะเร็ง ในอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น มะเร็งที่ปาก ที่ลิ้น ที่กล่องเสียง แต่ที่เป็นมากที่สุดคือ มะเร็งปอด สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา และกระทรวงสาธารณสุขแห่งสหรัฐอเมริกาได้รายงานผลวิจัย เมื่อ พ.ศ. 2521 ว่าผู้ที่สูบบุหรี่จัด มีโอกาสตายด้วยโรคมะเร็งมากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ 20 เท่า
2. โรคทางเดินหายใจ ผู้สูบบุหรี่จัดมีอาการไอเรื้อรัง บางครั้งไอถี่มากจนไม่สามารถหลับนอนได้ แต่เมื่อหยุดสูบอาการจะบรรเทาและหายไปในที่สุด นอกจากนี้ทาร์ในควันบุหรี่จะสะสมอยู่ในปอด วันละเล็กวันละน้อย จนในที่สุดถุงลมปอดโป่งพองจนไม่สามารถหดตัวกลับได้ มีผลทำให้ปอดไม่สามารถแรกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนได้มากเท่าเดิมจึงทำให้หายใจขัด หอบ และหากเป็นเรื้อรังอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายเช่นเดียวกันนอกจากนี้ยังพบว่าการสูบบุหรี่ทำให้เป็นโรคอื่นได้อีกหลายอย่าง เช่น โรคกระเพาะอาหารเป็นแผล โรคความดันเลือดสูง โรคตับแข็ง โรคปริทนต์ โรคโพรงกระดูกอักเสบ เป็นต้น และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพของผู้สูบบุหรี่อีกด้วย

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

7ผลไม้ไทย ใช้เป็นยา


มะเฟือง ( Starfruit )

นอกเหนือจากความสวยงามแปลกตาในเรื่องรูปทรงแล้ว ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ
มะเฟื่องสุก ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ฟอสฟอรัส และแคลเซี่ยม ช่วยรักษาอาการ
เลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายแ้ก้ท้องผูก ช่วยขับเสมหะได้
ในด้านสมุนไพร เราสามารถใช้ส่วนต่างๆ ของมะเฟืองมารักษาโรคได้ดังต่อไปนี้
ผล คั้นเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไข้หวัด บรรเทาอาการนิ่ว
ในทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
ช่วยลดอาการร้อนใน ช่วยขจัดรังแค นอกจากนั้นน้ำคั้นจากผลมะเฟื่องยังใช้ลบ
รอยเปื้อนบนมือ เสื้อผ้า และของใช้ต่างๆ ไ้ด้ดีอีกด้วย
ใบ นำมาต้มผสมกับน้ำ กินแก้ไข้ ขับปัสสาวะ ขับระดู หรือหากนำมาบดให้ละเีอียด
พอกบนผิวหนัง จะช่วยลดอาการอักเสบ ช้ำบวบ แก้ผื่นคัน กลากเกลื้อน และอีสุกอีใส
ราก มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ต้มกับน้ำ่ช่วยดับพิษร้อน แำก้อาการปวดศรีษะ
ปวดตามข้อต่างๆ ในร่างกาย ปวดแสบในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องร่วง
ดอก นิยมนำมาต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยในการขับพิษและขับพยาธิ



ส้มโอ ( Pomelo )

ในส้มโอมีสารเพกทิน ( Pectin ) สูง จึงมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
อีกทั้งยังมีสารโมโนเทอร์ปีนที่ช่วยในการกวดจับสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ส้มโอยังมีคุณสมบัติพิเศษ
อีกประการหนึ่ง คือ ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย
ใบ ใบสดนำมาตำให้ละเอียดแล้วย่างไฟให้อุ่น ใช้พอกบริเวณที่ปวดบวม หรือ
ปวดศรีษะได้
เปลือกผล เปลือกผลของส้มโอ มีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด ใช้เป็นยาขับลม
ขับเสมหะ แก้ท้องอืด แน่นหน้าอก ไอ สามารถใช้เปลือกผลตำพอกฝี และใช้จุดไฟไล่ยุงได้
หรือ หากนำเปลือกผลส้มโอมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำไปนึ่งรับประทานทุกเช้าเย็น ก็จะช่วยบรรเทา
อาการของโรคหืดได้
เมล็ด ของส้มโอมีสรรพคุณ ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารลดอาการปวดบวมของ
ผิวหนัง และยังช่วยลดปริมาณของเสมหะที่มีในลำคอไ้ด้อีกด้วย
ผล ช่วยเจริญอาหาร หากรับประทานเนื้อส้มโอหลังอาหาร จะช่วยให้ระบบย่อย
อาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

มะยม ( Star Gooseberry )

เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ให้รสเปรี้ยวอมฝาด ในผลมีแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ
และวิตามินซีสูง จึงมีฤทธิ์ในการ ช่วยสมานแผล และ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการหลอดลมอักเสบ
ในยอดอ่อนมีฟอสฟอรัส ช่วยในการขับเหงื่อ และกระตุ้นการเจริญอาหาร รากของมะยมมีสารแทนนิน
( Tannin ) อยู่ค่อนข้างสูง ใช้แก้ไข้ แก้อาการหอบหืด และปวดศรีษะ



มังคุด ( Mangosteen )

เป็นผลไม้ที่เนื้อในของผลมีรสเปรี้ยวอมหวาน กลมกล่อมและได้รับการยกย่อง
ให้เ็ป็นราชินีของผลไม้ทั้งปวง เนื่องจากมีกลีบรองดอกติดอยู่ที่ขั้วคล้ายมงกุฏราชินี ทั้งในเปลือก
มังคุดยังมี สารแทนนิน และมี สารแมงโกสติน ( Mangostin ) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ที่ทำให้เกิดหนอง อยู่มากถึง 7 - 14 เปอร์เซ็นต์

ในแง่สมุนไพร เปลือกมังคุดจึงมีสรรพคุณในการใ้ช้รักษาโรคผิวหนัง และนิยมนำไป
สกัดทำเป็นสบู่ ครีมพอกหน้า และยารักษาสิวฝ้าได้อีกด้วย


มะขาม (Tamarind )

นับได้ว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักมาช้านาน อีกทั้งเราสามารถนำส่วนต่างๆ
ของมะขามมาใช้ประโยชน์ในการรักษาได้แทบทั้งสิ้น เช่น ในเนื้อมะขามมี สารแอนทราควิโนน
(Anthraquinone ) ซึ่งจะช่วยให้ประำจำเดือนมาเป็นปกติ นอกจากนั้น ยังมีกรดอินทรีย์
( Oragnic acid ) อยู่หลายชนิด เช่น กรดทาร์ทาริก ( Tartaric acid ) และกรดซิตริก ( Citric acid )
ทำให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เพิ่มกากใยอาหารและช่วยหล่อลื่นให้ขับถ่ายสะดวก



ทับทิม ( Pomegranate )

ในภัมภีร์อายุรเวทของอินเดีย ยกย่องให้ทับทิมเป็นคลังยา เพราะ ส่วนต่างๆ ของทับทิม
สามารถนำมาใช้รักษาโรคได้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผล ซึงมีรสหวานอมเปรี้ยวออกฤทธิ์เป็น
ยาบำรุงกำลัง แก้เจ็บคอ แก้โลหิตจาง ห้ามเลือด รักษาแผล แก้อาการปวดกระเพาะอาหาร
ขับพยาธิในลำไส้ แก้ท้องร่วง เป็นต้น

นอกจากนั้น ในเปลือกผลแก่ ของทับทิมยังมีกรด Gallotannic ซึ่งมีฤทธิ์ในการ
ยับยั้่งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แก้อาการท้องเดินได้ ซึงกองวิจัยทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์
การแพทย์ได้วิเคราะห์ไว้แล้วว่าไม่มีพิษเฉียบพลัน ทั้งยังสามารถใช้รักษาโรคบิดที่เกิดจากแบคทีเรีย
และอะมีบา ได้ผลดีอีกด้วย


มะขามป้อม ( Emblic )

เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาที่เราสามารถหาได้ใกล้ๆ ตัว
นอกเหนือจากจะมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 20 เ่ท่า ในปริมาณที่เท่ากันแล้ว มะขามป้อมยังมีฤทธิ์เป็นยาเย็น
ใช้เป็นยาลดไข้ ยาฟอกเลือด ยาระบาย บำรุงหัวใจ ใช้ขับปัสสาวะ และแก้ริดสีดวง ได้อีกด้วย



วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เลขวันเกิดทายนิสัย



เลขวันเกิดทายนิสัย

คนเกิดวันที่ 1 คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 อันเฉียบไว ยอดเยี่ยม ลางสังหรณ์ ก้อแม่นยำอยู่เสมอ คุณเกลียดความธรรมดา จึงไขว้คว้าหาสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆมาให้ตัวเองได้คลั่งไคล้อยู่เสมอไอเดียที่แปลกใหม่ของคุณก้อมีอยู่อย่างเหลือเฟือ คุณจึงมักมีความคิดสร้างสรรค์ในสิ่งที่ชาวบ้านเขาคาดคิดไม่ถึง แต่บางทีคุณจะรู้สึกเบื่อโลก และเบื่อคน แค่คุณมองตาอีกฝ่าย คุณก็รู้ว่า เขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงทำให้คุณกลายเป็น คนขี้ระแวง และขี้หึง เลยมักจะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง กับคนรักบ่อยๆ ทั้งที่สิ่งที่คุณระแวง ซึ่งคุณเชื่อว่าเป็นลางสังหรณ์อันดีเยี่ยมของคุณนั้น กลับเป็นเพียงความคิดมากจนเกินไปของคุณ


คนเกิดวันที่ 2 คุณไม่ชอบที่จะให้ใครมายุ่ง หรือมีส่วนกับวิถีชีวิตของคุณและคุณก็ไม่ชอบสนใจเรื่องของใครด้วย แต่เนื่องจากเป็นคนเข้าสังคมเก่ง และชอบเที่ยวแถมยังคุยสนุกด้วยคุณจึงมีเพื่อนมากมาย ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่บ่อยครั้งที่คุณทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงคนอื่นๆ หรือทำอะไรที่เกินพอดีไปทั้งที่คุณเองก็ถือว่า นั่นเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่คนรอบข้างเขาจะมองว่า คุณเอาแต่ใจตัวเอง และไม่ค่อยน่าคบได้นะ จากนิสัยที่ไม่จุกจิกจู้จี้ ทั้งยังเฮฮาถึงไหนถึงกันคุณจึงมีเพศตรงข้าม มาทอดสัมพันธ์ให้อย่างมากมายและในจำนวนนั้น ก็มีคนหลายๆแบบที่น่าสนใจ เสียด้วย คุณจึงมักที่จะต้องกลุ้มใจ กับความโชคดีของตนที่มี คนดีๆ มาให้เลือกมากเสียจนเลือกไม่ถูก


คนเกิดวันที่ 3 คุณเข้าสังคมเก่ง เลยมีเพื่อนเยอะ นิสัยโดยทั่วไปของคุณก็ทำให้ใครต่อใคร พากันมาชื่นชอบ และอยากจะคบค้ากับคุณไปหมด นอกเสียจากว่า บางครั้งที่คุณหัวดื้อ หัวรั้น ไม่ยอมฟังความคิดเห็นของใครเลย ซึ่งอาจทำให้เพื่อนๆ พากันผิดหวังบ้างก็ได้ แต่ส่วนดีของคุณมีมากกว่า จึงเป็นอันว่า ลบล้างกันไปได้ คุณอยากที่จะมีความรักซึ่งตัวเองเป็นผู้คุมเกม และเป็นผู้นำตลอด ถ้าเป็นผู้ชายก็เข้าข่ายเผด็จการ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ไม่ค่อยให้เกียรติคนรักเท่าไหร่ เขาขอแต่งงาน ก็มักเล่นตัวอยู่นาน หรือถ้าเป็นผู้ชาย ก็ไม่ค่อยจะยอมขอใครแต่งงานง่ายๆ


คนเกิดวันที่ 4 คุณเป็นคนมีไฟเร่าร้อนรุนแรง กับทุกเรื่องอยากรู้ อยากเห็นไปเสียหมด แต่ก็เบื่อง่ายกับเรื่องคบค้าสมาคม คุณเป็นคนรักจริง เกลียดจริง ไม่มีวันที่จะทนคบกับคนที่คุณรู้สึกไม่ชอบ อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ คุณยังเกลียด ความธรรดาและความจำเจ ชอบอะไรที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้นและอยู่เฉยๆ ไม่เป็น ต้องหาเรื่องไปไหนมาไหน ตลอดเวลา ก้ออีกนั่นแหละ ที่คุณจะรักง่าย แล้วก็หน่ายเร็ว เวลารักก็จะรักอย่างหัวปักหัวปำ แต่ไม่นานหรอก คุณก้อจะเบื่อและมองหาคนใหม่ คุณจึงคบกับใครไม่ได้นานสักคน


คนเกิดวันที่ 5 คุณเป็นคนที่ มีความสามารถ และทำงานเก่ง ถ้าเป็นผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงเก่ง ขนาดมีชื่อเสียง โด่งดังเลยละ หรือ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะก้าวพรวดๆ สู่ชื่อเสียง และเกียรติยศ ตลอดจนฐานะอันโดดเด่นในสังคม คุณทนไม่ได้ที่จะต้อง เป็นผู้ตามใคร เป็นคนไวต่อ ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ และยังมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย จึงสามารถสร้างสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ สิ่งแล้วสิ่งเล่า ออกมาป้อนสังคม แม้เรื่องการแต่งตัวคุณ ก็ไม่มีพลาดจะนำสมัย และเนี้ยบตลอดกาล คุณเป็นคนขี้หึงขี้หวง พอมีคนรักทีไร คุณก็อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อีกฝ่ายขึ้นมาทันที แถมยังหัวรั้น มีทิฐิมาก ปากอย่าง ใจอย่าง ฟอร์มจัด เลยมักทำให้ พลาดโอกาสในเรื่อง ความรักหรือสูญเสียคนรักไป อย่างน่าเสียดายบ่อยๆ


คนเกิดวันที่ 6 คุณมีไอเดีย และประสาทสัมผัสที่เป็นเลิศ แต่กลับนำมาประยุกต์ใช้ได้ไม่เก่งและไม่เต็มที่ ซึ่งคงเป็นเพราะคุณยึดถืออยู่กับ อุดมการณ์ มากไป รวมทั้งเก็บตัวจนเกินไปด้วย แต่เนื่องจากคุณ เป็นคนฉลาดและสุขุม จึงไม่มีปัญหาในเรื่องอารมณ์ชั่ววูบพาไป แน่ คุณจะค่อยๆ รักอย่างช้าๆ เงียบๆ บางทีรักเขาข้างเดียว เสียตั้งนานเป็นคนโรแมนติก และเป็นผู้ให้แบบมอบกายถวายชีวิต ซื่อสัตย์ รักเดียว ใจเดียวเสียด้วย

คนเกิดวันที่ 7 คุณเป็นคนที่ อยากรู้ อยากเห็น ไปหมดเสียทุกอย่าง เวลาที่ทุ่มกับอะไรแล้ว คุณจะลืมแม้กระทั่ง จะกิน จะนอน ไฟของคุณในส่วนนี้ น่าชมเชยมาก แต่ขอติงซักหน่อยตรงที่คุณขี้เบื่อจังเลย คุณจะรักใคร่ ใหลหลงกับคนที่คุณรู้สึกประทับใจ ในครั้งแรกที่พบกัน ไม่ต้องการที่จะศึกษาหรือดูใจ อะไรกันล่ะ ส่วนคนที่คุณไม่ชอบหน้า เสียตั้งแต่แรกแล้ว คุณก็จะไม่มีวันทำใจให้คบหาสมาคม กับ เขาหรือเธอ ได้เลย ไม่ว่า ความรัก หรือการสมาคม คุณก็จะ รักจริง เกลียดจริงและเก็บความรู้สึกไม่เป็นด้วย ถ้าได้ทะเลาะกัน ก็จะรุนแรง ขนาดมองหน้ากันไม่ติด อีกเลย


คนเกิดวันที่ 8 คุณสนอกสนใจ กับสิ่งรอบตัว ไปเสียหมด การคบค้าสมาคมของคุณ ก็ขึ้นอยู่กับ การคล้อยตาม และเอาอก เอาใจ อีกฝ่าย จนเข้าขั้นโปร่ยเสน่ห์ไม่เลือกที่ คุณร่ำรวยรอยยิ้มและเออออไปกับใครๆได้หมด ถึงจะมีเรื่องไม่สบอารมณ์บ้าง คุณก็จะเก็บความรู้สึก เอาไว้ได้เป็นอย่างดี คุณจึงเป็นที่รัก ของทุกๆคน คุณอาจจะอาภัพในเรื่องนี้ซักหน่อยตรงที่มักจะได้รับรักจากคนที่คุณไม่ได้ชอบ เลยซักนิด แต่คนที่คุณเก็บไปนั่งฝัน นอนฝันเป็นแรมปีนั้น กลับไม่สนคุณเลย จึงเกิดเหตุการณ์เดินสวนทางกันอย่างนี้เสมอ ส่วนความรักของตัวคุณเอง ก็มักจะขึ้นๆลงๆเอาใจลำบากด้วย จนบางครั้งคุณยังไม่เข้าใจเลยว่า ชอบ หรือไม่ชอบใครกันแน่..!?!?!


คนเกิดวันที่ 9 คุณเป็นคนเก่ง มักจะจัดการกับสิ่งต่างๆ ได้ด้วยดี จึงทำให้ใครต่อใครพากันเชื่อถือ และหวังพึ่งพาคุณ แต่เนื่องจากคุณเก่งไปหมดนี่เอง บางครั้ง คุณจึงอดที่จะ หยิ่งยโส และหลงตัวเองไม่ได้ บางครั้ง คุณก็มั่นใจในตัวเอง มากเสียจนกลายเป็นประมาทเลินเล่อได้ ซึ่งจะพาให้คุณพบกับความผิดพลาดได้ นอกจากนี้ คุณยังเกลียดการถูกผูกมัด เป็นที่สุด และจะให้ความสำคัญกับการ ใช้ชีวิตอย่างอิสระ และตามใจตัวเองมาก คุณมักจะมีความรักที่แปลกแหวกแนวจนคนรอบข้างแทบช็อค คือถ้าคุณชอบใครแล้ว คุณจะเหมือนคนบ้า ที่ไม่ยอมคิดหน้าคิดหลังเลยกับคนรัก แม้จะมีปากเสียงกันค่อนข้างบ่อยครั้ง และรุนแรง แต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้ ในทันที


คนเกิดวันที่ 10 คุณเป็นคนคิดอย่างรอบคอบเสียก่อนจึงลงมือทำ จึงไม่ค่อยพบความผิดพลาดเท่าไหร่ แต่ด้วยความ ขี้ระแวงของคุณที่มีมากจนเกินไปนี่แหละ ที่ทำให้คุณ เบรกตัวเองบ่อยเกินความจำเป็นเลยทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่า คุณค่อนข้างเป็นคนขวางๆทั้งที่โดยปกติแล้ว คุณก็ร่าเริง และ คบกับใครได้ไม่เลือกที่รัก มักที่ชัง ดูคุณสงบเสงี่ยมแบบนี้ เวลามีความรัก คุณจะเปลี่ยนเป็น คนละคนเลย และ คุณอาจจะพบรักกับคนที่ใครๆ คิดไม่ถึง หรือไม่ก็ พบรักแบบกะทันหัน หลังจากไปเที่ยวแค่ 3 วัน 5 วัน คือมักจะมีความรักที่ บังเอิญและน่าเซอร์ไพรส์ .


คนเกิดวันที่ 11 คุณมีความป็นผู้นำ อย่างเต็มเปี่ยม แม้บางครั้ง จะค่อนข้างถือเอาความคิด และความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ก็ตาม แต่เนื่องจากคุณมีความสามารถและเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง จึงเป็นที่เกรงอกเกรงใจ และเชื่อถือของทุกๆคน พวกเขามักจะยอมให้กับความหัวรั้นของคุณอยู่เสมอ เพราะเชื่อว่าทำตามที่คุณบอกแล้ว จะไม่มีคำว่าผิดหวัง คุณจึงกลายเป็นคนที่น่าสนใจเพราะมีบุคลิกที่โดดเด่น นั่นเอง คุณเป็นคนรักจริง เกลียดจริง ถ้าไม่ชอบใครแล้วคุณจะไม่ยอมแม้แต่จะคุยด้วย คนที่คุณคบอยู่นี้เป็นคนที่คุณเลือกแล้วทั้งสิ้นว่า คุณพอใจ นอกจากนี้ ถ้าคุณถูกนอกใจหรือทรยศหักหลัง คุณจะต้องหาทางแก้แค้น อย่างแน่นอน


คนเกิดวันที่ 12 คุณเป็นคน มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเยี่ยม เป็นคนเด่นที่อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนชื่นชม แถมยังอดทึ่ง กับความหัวไว ฉลาดปราดเปรื่อง และ มีความคิดที่แหวกแนว ไม่เหมือนใครอีกด้วย แต่เสียอยู่หน่อย ตรงที่คุณขี้เบื่อและไม่มีความแน่นอน เลยทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนได้บ้าง ในบางครั้งคุณเป็นยอดนักรักที่มักเที่ยวไปตกหลุมรัก ใครต่อใครอยู่เสมอ ซึ่งก็มักสมหวังในรัก เสียด้วยซิ คุณจะหลงรักคนที่ มีรสนิยมดี และไม่เคยพอที่จะมีคนรัก เพียงคนเดียว แม้ความรักของคุณ จะเร่าร้อน รุนแรงและก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อยู่ได้ไม่ยั่งยืนนักนะ


คนเกิดวันที่ 13 คุณเป็นตัวของตัวเองมาก มากเสียจน ไม่ค่อยจะสนใจ อะไรรอบๆข้าง แต่ถ้าหาก ต้องมีการแบ่งพรรค แบ่งพวกหรือเข้าข้างฝ่ายใดแล้วละก้อ คุณก็จะเลือกเข้าฝ่ายที่เป็นต่อ แต่คุณก็ใช่ว่าจะฉลาดแกมโกงไปเสียหมดหรอกนะ โดยปกติแล้ว คุณเป็นคนที่มีน้ำใจ และขี้สงสารอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ ผลประโยชน์มันมีความหมายกับคุณมากกว่าสิ่งอื่นใด นั่นเอง จินตนาการของคุณ ก็เลิศล้ำไม่เหมือนใคร และยังจะชอบที่จะ ลงมือกระทำทันทีด้วย คุณจะไม่มีวันแยแสหรือเห็นอกเห็นใจคนที่มาหลงใหลคุณ แต่ตัวคุณเองไม่ชอบขี้หน้าฝ่ายนั้นแน่ๆ เรื่องความรัก คุณไม่มีวันใจอ่อนเช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณเกิดรู้สึกรักใครละก้อ คุณจะถึงกับเบรกตัวเองไม่อยู่เลยทีเดียว หลังจากที่คุณชั่ง ตวง วัด และคำนวณแล้ว ว่า คนนี้คือ คนที่คุณเลือก


คนเกิดวันที่ 14 เห็นคุณทำหน้าเศร้าอยู่ดีๆ สักครู่ก็หัวเราะลั่นเสียแล้ว ถ้าใครรู้จักคุณมาก่อน ก็ไม่แปลกเลย เพราะอารมณ์ของคุณขึ้นได้สูงสุด และลงได้ต่ำสุดในเวลาที่ใกล้เคียงกันมาก จนใครต่อใคร เอาใจคุณไม่ถูก และรู้สึกว่าคนอย่างคุณเข้าใจยาก คุ้มดีคุ้มร้ายไม่มีใครสามารถจะคาดการณ์ หรือเดาได้เลยว่า คุณกำลังคิด หรือต้องการอะไรอยู่ ทั้งที่ตัวคุณเอง ก็เป็นคนเอาจริงเอาจังดีกับทุกๆ เรื่อง กว่าคุณจะรักใครนั้น ต้องใช้เวลามาก แต่เมื่อนึกชอบแล้ว คุณจะรุกไม่ยาก ตามตื้ออีกฝ่ายโดยไม่รู้จักเหน็ด จักเหนื่อย ต่อให้อีกฝ่ายปฏิเสธคุณ คุณก้อจะไม่ยอมตัดใจหรือเลิกราง่ายๆหรอก


คนเกิดวันที่ 15 คุณเกลียดการพึ่งพา คนอื่นและการถูกบังคับให้อยู่แต่ในกรอบเป็นที่สุดแต่คุณจะชอบผจญภัยและสัมผัสกับ สิ่งท้าทายใหม่ๆ อย่างกล้าหาญ ถึงจะมีอะไรโอเวอร์บ้าง แต่คนรอบข้างก็ไว้เนื้อเชื่อใจ และยกให้คุณเป็นคนสำคัญของกลุ่ม เนื่องจาก คุณเป็นคนที่ชอบ ความตื่นเต้น นี่เอง จึงทำให้คุณมีรักต้องห้ามได้ง่ายอย่าง เช่น รักคนที่มีเจ้าของแล้วหรือคนที่ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะ เป็นคนรักของคุณได้ แต่ยิ่งห้าม ก็เหมือนยิ่งยุ คุณจะวิ่งเข้าชนเต็มที่เมื่อคุณถูกคัดค้าน หรือถูกห้ามปราม นอกจากนี้ คุณยังเป็นคนที่ เสน่ห์แรง แต่ไม่รู้ตัวเท่านั้น


คนเกิดวันที่ 16 คุณเป็นคน โอบอ้อมอารี มีจิตใจงดงาม และชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่บางทีก็มากเกินไป จนกลายเป็นชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ดูผิวเผิน คุณจะเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ แต่พอเข้าตาจนคุณกลับมี ความกล้าและใจป้ำเสียจน คนรอบข้างอ้าปากค้าง ด้วยความตกใจและจินตนาการของคุณก็แปลกแหวกแนวเหลือเกินด้วยซิ คุณมักจะ มีความรักที่ เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่เป็นความรักที่เปิดเผยสดชื่นเหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่าคนรักที่จี๋จ๋า หวานจ๋อยและความรักของคุณ ก็มักจะพัฒนามาจากความเป็นเพื่อน ตลอดจนความใกล้ชิดกันด้วย


คนเกิดวันที่ 17 คุณเป็นคนร่าเริง มีอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยไฟในการทำสิ่งต่างๆ คุณมักไม่ยึดติดกับ เรื่องหยุมหยิม น่ารำคาญ เป็นคนใจกว้าง ไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย เป็นพวกพฤติกรรมนิยม แต่มักจะใจร้อน ซุ่มซ่าม และขี้โมโห จนสูญเสียความเชื่อถือ จากคนอื่นๆ อย่างน่าเสียดาย ถ้าคุณชอบใครแล้ว คุณจะไม่สนเลยว่า อีกฝ่ายจะชอบคุณด้วยหรือเปล่า คุณจะเดินหน้าท่าเดียว จนทำให้เขา หรือเธอ แทบทนไม่ได้ ต่างคนต่างจะชอบกันก็แล้ว แต่หากว่า เวลาที่คุณอยู่ด้วยกันนั้น คุณตั้งท่าแต่จะ ทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบและต้องการ จึงมักจะขัดแย้งกับคนรักบ่อยๆ นอกจากนี้ คุณยังเป็นประเภทรักง่าย หน่ายเร็วด้วยนะ...


คนเกิดวันที่ 18 คุณเป็นคน ตรงไปตรงมา ไม่มีการเสแสร้ง หรือปรุงแต่งกิริยาใดๆทั้งสิ้น คุณเกลียดการ

ป้อยอ และโปรยเสน่ห์ ไม่เลือกที่เลือกทางเป็นที่สุด ไม่ชอบอยู่ในกรอบที่คนอื่นตีล้อมเอาไว้ รักอิสระมากเสียจนต้องสะดุด และพบกับความผิดพลาดไม่น้อย นอกจากนี้ คุณจะพูด และแสดงออกกับทุกๆคนอย่างตรงไปตรงมา ชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด อ้อมค้อมไม่เป็น โกหกไม่เป็น แต่คุณไม่ค่อยเกลียดใครหรอก ในเมื่อคุณเป็นคนจริงใจแบบนี้ แม้บางครั้ง จะขวานผ่าซากบ้าง แต่ใครต่อใคร ก็รักใคร่ชอบพอคุณนะ คุณเปิดเผย และสนิทสนมได้กับทุกคน ใจดีอ่อนโยน และเอาใจเขามาใส่ใจเรา อยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่โปรยเสน่ห์เรี่ยราด ก็เนื้อหอมในสายตาของเพศตรงข้ามเสมอ จึงมักถูกเข้าใจผิดในเรื่องความรัก บ่อยครั้ง


คนเกิดวันที่ 19 คุณเป็นคนสง่างาม และสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ดี และสุขุม เยือกเย็น จึงทำให้ใครต่อใคร พากันเชื่อถือคุณและอดอิจฉาคุณไม่ได้ คุณจะไม่ยอมฝืน หรือดันทุรังเด็ดขาดแต่จะมีความยืดหยุ่นและปรับตัวให้เข้ากับคนรอบๆ ข้างได้ เป็นอย่างดี เป็นคนใจดี มีเมตตา เกลียดความไม่ดี ไม่ถูก ไม่ควรทั้งหลาย และเป็นคนมีคุณธรรมอย่างมาก กับคนที่คุณรักแล้ว คุณจะมอบทั้งกาย และใจให้หมด มีความอ่อนโยน และเอาใจใส่คนรัก ไม่เคยขาด ซื่อสัตย์ และรักเดียวใจเดียว คุณสามารถที่จะทุ่มเทให้กับคนรัก ได้ทั้งชีวิต และยังสามารถ รักใครคนใดคนหนึ่ง ได้ตลอดไป โดยไม่รู้สึก เบื่อหน่ายด้วย


คนเกิดวันที่ 20 คุณมีประสาทสัมผัสที่ เฉียบแหลม ไวต่อความรู้สึกต่างๆ แต่เก็บอารมณ์ได้อย่างมิดชิด เป็นคนเรียบเฉย ไม่ชอบ อะไรที่โอเวอร์ แต่ส่วนลึกของจิตใจแล้ว กลับทิฐิ และหลงตัวเองด้วย ก็เลยเป็นคนมีมานะ และสู้สุดฤทธิ์ เลยแหละ เพื่อคนที่คุณรักแล้วละก้อ คุณมีความกล้าอย่างเหลือเฟือ ชนิดคนรอบข้างคิดไม่ถึงและจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับคนรัก ได้เร็วมากด้วย

คนเกิดวันที่ 21 คุณมองทุกสิ่ง ทุกอย่าง ในแง่ของความถูกต้อง และความเหมาะสมไปหมด แทนที่ให้ความชอบของตัวเอง เป็นใหญ่ ในบางครั้ง นั่นคงเป็นเพราะคุณเป็นคนประเภทนิยมความสมบูรณ์แบบนั่นเอง คุณจึงเป็นคนคิดมาก ใครพูดอะไร ก็เก็บเอามาคิด นอกจากนี้คุณยังมีเอกลักษณ์อย่างโดดเดี่ยวซึ่งจะถูกมองได้ง่ายว่าเป็นคนแปลกประหลาด แต่นิสัยโดยทั่วไปนั้น คุณเป็นคนอยากรู้ อยากเห็นและมักจะ มีความฝันอันยิ่งใหญ่ ซึ่งคุณจะไม่เสียดายเวลา และความพยายาม ที่จะทำให้ความฝันเหล่านั้นเป็นจริงขึ้นมาเลย คุณมักจะไปหลงรัก เอาคนที่คนรอบข้างแปลกใจ หรือไม่ก็ ถูกคนที่มีอายุมากกว่า มากๆมาหลงรัก นอกจากนี้ความรักของคุณก็อาจจะพัฒนามาจากความเป็นเพื่อนทีละนิดๆนานวันเข้าก็กลายเป็นคนรักโดยปริยาย แต่จะไม่มีรักแรกพบแน่ๆสำหรับคุณ


คนเกิดวันที่ 22 แม้คุณจะไม่ค่อยพูด ค่อยจา แต่คุณกลับชอบ สิ่งที่ท้าทายและเปลี่ยนแปลง อยู่เสมอ คุณจะไม่มีวันทนได้หรอก กับ ความซ้ำซากจำเจยิ่งไปกว่านั้น คุณยังไม่ชอบ ขอความเห็นหรือความช่วยเหลือจากใครด้วย คุณถือว่า ชีวิตคุณ คุณต้องเป็นคน ลิขิตเอง และคุณก็ยังมีสายตาอันแหลมคมอีกด้วยสิ ถ้าคุณนึกรักใครแล้ว คุณจะเดินหน้าทันที แต่คุณขี้หึง และชอบเป็น เจ้าข้าว เจ้าของ ตลอดจนอยากที่จะผูกมัดคนรักเอาไว้ชนิดดิ้นไม่หลุด ยิ่งถ้าเจอคู่แข่งด้วยแล้ว ก็ยิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟให้คุณทันทีบรื้อออออ


คนเกิดวันที่ 23 คุณเป็นคนที่ แสดงออกไม่เก่งหรือประชาสัมพันธ์ตัวเองได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะคุณไม่ทราบว่าจะแสดงความเป็นตัวคุณ ให้ชาวบ้านเขารู้ ได้อย่างไรนั่นเองหรือจะพูดไปอีกที คุณอาจจะไม่สนใจว่า ใครเขาจะมองจะคิดกับคุณยังไงก็ได้ คุณจึง ถูกเข้าใจผิดได้ง่ายในตอนต้นๆ โดยธาตุแท้แล้ว คุณเป็นคนร่าเริง แต่ในสายตาของ เพศตรงข้าม คุณคือคนที่ลึกลับเต็มไปด้วยปริศนา ชวนให้ศึกษา และค้นหาเป็นอย่างยิ่ง คุณหัวไวและฉลาดเฉลียว เป็นอย่างมาก แต่เพื่อนๆกลับรู้สึกว่า คุณเป็นคนที่เข้าใจยาก ไม่รู้ว่า ใจจริงของคุณคิดอะไรอยู่กันแน่ คุณมักไม่ยอมบอก หรือแสดงให้คนที่คุณรักรู้หรอกว่า คุณรักชอบอีกฝ่าย แต่มักจะเฝ้าฝันถึง คนๆเดียว อยู่นาน หลายปีดีดัก หรือชั่วชีวิต หรือไม่ก็ ไม่สามารถที่จะลืมคนรักคนแรกได้ แต่คุณก็เอาจริงเอาจังและรับผิดชอบ ในความรู้สึกของคนรัก คนปัจจุบัน ซึ่งจะไม่มีวันนอกใจหรือทรยศอีกฝ่ายได้เลย แถมคุณยังมีโชคในเรื่องลูก อีกด้วย


คนเกิดวันที่ 24 ดูเพียงผิวเผิน คุณจะเหมือนคนที่พูดน้อย และสงบเสงี่ยม แต่ที่จริงแล้ว คุณเป็นคนร่าเริงไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่ว่า ความร่าเริงของคุณ ค่อนข้างจะมีเงื่อนไข คือมันจะถูกแสดงออก ตอนที่คุณอารมณ์ดีเท่านั้น ถ้าคุณหงุดหงิด คุณจะน่ากลัว และไม่มีใครเข้าใกล้ คนรอบๆตัวคุณจึงรู้สึกว่า คุณคบยาก ซึ่งก็เป็นเพราะ คุณใช้อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่ และแสดงออกอย่างตรงไป ตรงมาจนเกินไปนั่นเอง ในตอนแรก คุณคงแสดงให้ใครรู้ได้ยากว่า คุณชอบอีกฝ่าย ส่วนอีกฝ่าย ก็หาจังหวะที่จะแสดงให้คุณทราบ ไม่ค่อยได้เหมือนกัน เพราะคุณเป็นคนประเภท ผีเข้าผีออก ก็เลยมักสวนทางกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะเป็นที่เข้าอกและรู้สึกชอบพอ ตลอดจนความคลั่งไคล้จากเพศตรงข้ามได้ เพราะที่จริงแล้ว คุณเป็นคนจริงใจนั่นเอง


คนเกิดวันที่ 25 คุณเป็นคนที่ ชอบแสดงออก และชอบเป็นจุดเด่น อย่างแท้จริง จึงดูเป็นคนที่ ค่อนข้างจะฉูดฉาด จัดจ้านและกะล่อนแต่ธาตุแท้แล้ว คุณเป็นคนแข็งแกร่งไม่ติดใจกับเรื่องจุกจิก แต่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะเป็นผู้นำและทำให้คนอื่นคล้อยตามตนเอง ไม่งั้นคุณ จะหงุดหงิดเป็นที่สุด ยิ่งถ้าอีกฝ่ายทำแข็งขืน กระด้างกระเดื่องกับคุณ แล้วละก้อ คุณเป็นต้องโมโห ฉุนเฉียว อย่างระงับไม่อยู่เลยแหละ อารมณ์คุณขึ้นๆลงๆ หลายใจอีกต่างหาก เลยเที่ยวไปตกหลุมรัก คนนั้น คนนี้ทั่วไปหมด แต่ก็ชอบอยู่ได้ไม่นานหรอก มักมีอันจะต้องเปลี่ยนใจไปชอบของใหม่ๆอยู่ร่ำไป นิสัยส่วนนี้นี่แหละที่จะทำให้คุณเสียโอกาส และเสียคนดีๆไป


คนเกิดวันที่ 26 คุณเป็นคนที่ สุขุมเยือกเย็น เอาจริงเอาจัง และไตร่ตรองอย่างละเอียดก่อนลงมือทำเสมอ คุณเป็นคนรอบคอบ กว่าจะพูด หรือทำอะไรแต่ละอย่างทั้งที่ใจอยาก แต่คุณก็จะใช้เวลานาน คุณถือคติ ปลอดภัยไว้ก่อน แม้จะมีเรื่องลำบากใจ คุณก็จะกัดฟันทน และจะมีความฝันตลอดจนอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ คุณถือว่ามิตรภาพ และเพื่อน มีค่ามากกว่าสิ่งใดทั้งหมด กว่าที่คุณจะคบใครสักคน คุณจะต้องไตร่ตรอง และศึกษาคนๆ นั้นอย่างถ่องแท้เสียก่อน คุณไม่เรียกร้องอะไรที่เกินความสามารถจากคนรักเลย ตัวคุณเองก็แสดงออกตรงกับใจเสมอ แม้จะมีความรักที่ไม่หวือหวา ตื่นเต้น แต่คุณจะค่อยๆรักมากขึ้นและลึกซึ้งขึ้น ทีละนิด


คนเกิดวันที่ 27 คุณมักจะลังเล และคิดมาก เกินความจำเป็น นอกจากนี้ ยังขี้ขลาดและไม่เคยกล้าที่จะ ลองเสี่ยงกับอะไรเลย บางอย่างทั้งที่คุณทำได้ หากพยายามสักนิด แต่คุณกลับประเมินค่าตัวเอง ต่ำๆ และตัดใจไม่ยอมทำ เสียดื้อๆ คุณจึงมักพลาดโอกาส ดีๆ เพราะมัวแต่ มองโลกในแง่ร้ายนี่เอง มิหนำซ้ำ ยังเจ้าน้ำตาอีกด้วย คุณไม่ค่อยจะมีโชคในเรื่องนี้เท่าไหร่เลย กับคนที่คุณชอบเขา เขาก้อไม่ชอบตอบ แต่กับคนที่คุณอยากจะหนีเขาไปให้ไกล ก็กลับมาตื้อให้คุณรำคาญอยู่ได้ รวมความแล้วความรักของคุณ มันลุ่มๆ ดอนๆ แม้จะมีรักพบได้ง่าย แต่ไม่เท่าไหร่ คุณก้อจะนึกปอด แล้ววิ่งหนีเสียก่อน


คนเกิดวันที่ 28 คุณเป็นคนที่มีจิตใจเปราะบาง และถูกระทบกระทั่งได้ง่ายเสียจริงๆ อะไรนิด อะไรหน่อย คุณก้อจะคิดมาก และเศร้าโศก เสียใจได้ง่ายๆ คุณมองโลกในแง่ร้าย เจออุปสรรคเล็กน้อย คุณก้อโอดครวญว่า ไม่ไหวแล้ว ดูภายนอก คุณอาจจะเหมือนคนเย็นชา แต่ที่จริงแล้ว คุณใจดี และมีน้ำใจนะเนี่ย เวลาออกเดทกับคนรัก คุณไม่สนใจเลยว่า อีกฝ่ายจะแต่งตัวยังไง แต่คุณจะเนี้ยบ ตั้งแต่ศีรษะ จรดเท้าชนิดดารา Hollywood ยังอายเลย กับคนรักแล้ว คุณจะเอาแต่ใจตัวเองและอ้อนคนรักมาก บางครั้งก้อมากเกินไปนะ


คนเกิดวันที่ 29 คุณเป็นคนที่มีความมานะ บากบั่นเป็นเยี่ยม แม้จะพบกับอุปสรรคใดๆ ก็แล้วแต่ คุณไม่เคยย่อท้อที่จะ เอาชนะมัน นอกจากนี้ คุณยังเป็นคนคิดจริง ทำจริง ไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ทั้งยังมีความรับผิดชอบเป็นอย่างดี หนักเอา เบาสู้ คุณจึงพบกับความสำเร็จในบั้นปลาย หลังจากที่เพียรพยายามมาเป็นเวลานาน คุณจะมอบกายถวายชีวิตให้กับคนที่คุณรัก คนรักของคุณมาเป็นที่ 1 เสมอ คุณให้ความสำคัญกับคนรัก มากกว่าตัวเองเสียอีก คุณจึงมีความรักที่ยิ่งใหญ่ ก่อนคนในวัยเดียวกันและมักจะแต่งงานเร็วด้วยซิ


คนเกิดวันที่ 30 แม้คุณจะบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา และโรแมนติก แต่การแสดงออกของคุณนั้น ดูเป็นคนกระฉับกระเฉง และก๋ากั่น ด้วยนิสัยที่ขัดกันอยู่ในตัว ซึ่งคุณเองก็ไม่เข้าใจตัวเองนี่แหละ ทำให้คนอื่นๆ ก็เข้าใจคุณยากหนักเข้าไปใหญ่ แต่ลึกๆแล้ว คุณช่างระแวดระวัง และมีความอดทนมาก คุณจะมีความรัก ที่ยิ่งใหญ่ จนชาวบ้านตกตะลึงพรึงเพริด ถ้าคุณปักอกปักใจกับใครแล้ว ใครก็ตามอย่าได้มาห้ามคุณเสียให้ยากเลย คุณเชื่อมั่นในตนเองเป็นที่สุด และพร้อมเสมอที่จะ หนีตามกันหากผู้ใหญ่คัดค้าน WOW!


คนเกิดวันที่ 31 คุณเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอย่างเหลือเกิน จึงมักจะได้สัมผัสกับสิ่งที่น่ายินดี และชื่นใจ คุณชอบ และเก่งกับการทำให้คนอื่นๆพลอยมีความสุขและสนุกสนานไปด้วย จึงเข้ากับทุกคนได้ดี และเป็นขวัญใจของใครๆ ภายในกลุ่มแล้ว คุณจะเป็นที่เชื่อถือ ไว้วางใจ และเป็นที่พึ่งของทุกๆ คน คุณเป็นคนที่หลงระเริงกับความรัก บางครั้งคุณอาจจะไม่ได้ชอบคนรักของคุณหรอก แต่คุณอยากมีความรักต่างหากจึงแสดงออกว่าคุณทั้งสองสวีท และรักกัน ปานจะกลืนกิน นอกจากนี้คุณยังมักจะพบกับปัญหาที่ ไม่อาจจะลืมใครบางคนได้แต่เนื่องจากคุณเป็นคนที่มีเสน่ห์ และโรแมนติก คนรักปัจจุบันจึงไม่อาจที่จะหลงใหลคุณได้