วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

7ผลไม้ไทย ใช้เป็นยา


มะเฟือง ( Starfruit )

นอกเหนือจากความสวยงามแปลกตาในเรื่องรูปทรงแล้ว ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ
มะเฟื่องสุก ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ ฟอสฟอรัส และแคลเซี่ยม ช่วยรักษาอาการ
เลือดออกตามไรฟัน เป็นยาระบายแ้ก้ท้องผูก ช่วยขับเสมหะได้
ในด้านสมุนไพร เราสามารถใช้ส่วนต่างๆ ของมะเฟืองมารักษาโรคได้ดังต่อไปนี้
ผล คั้นเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ไข้หวัด บรรเทาอาการนิ่ว
ในทางเดินปัสสาวะ ขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
ช่วยลดอาการร้อนใน ช่วยขจัดรังแค นอกจากนั้นน้ำคั้นจากผลมะเฟื่องยังใช้ลบ
รอยเปื้อนบนมือ เสื้อผ้า และของใช้ต่างๆ ไ้ด้ดีอีกด้วย
ใบ นำมาต้มผสมกับน้ำ กินแก้ไข้ ขับปัสสาวะ ขับระดู หรือหากนำมาบดให้ละเีอียด
พอกบนผิวหนัง จะช่วยลดอาการอักเสบ ช้ำบวบ แก้ผื่นคัน กลากเกลื้อน และอีสุกอีใส
ราก มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ต้มกับน้ำ่ช่วยดับพิษร้อน แำก้อาการปวดศรีษะ
ปวดตามข้อต่างๆ ในร่างกาย ปวดแสบในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องร่วง
ดอก นิยมนำมาต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยในการขับพิษและขับพยาธิ



ส้มโอ ( Pomelo )

ในส้มโอมีสารเพกทิน ( Pectin ) สูง จึงมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
อีกทั้งยังมีสารโมโนเทอร์ปีนที่ช่วยในการกวดจับสารก่อมะเร็ง นอกจากนั้น ส้มโอยังมีคุณสมบัติพิเศษ
อีกประการหนึ่ง คือ ช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย
ใบ ใบสดนำมาตำให้ละเอียดแล้วย่างไฟให้อุ่น ใช้พอกบริเวณที่ปวดบวม หรือ
ปวดศรีษะได้
เปลือกผล เปลือกผลของส้มโอ มีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด ใช้เป็นยาขับลม
ขับเสมหะ แก้ท้องอืด แน่นหน้าอก ไอ สามารถใช้เปลือกผลตำพอกฝี และใช้จุดไฟไล่ยุงได้
หรือ หากนำเปลือกผลส้มโอมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำไปนึ่งรับประทานทุกเช้าเย็น ก็จะช่วยบรรเทา
อาการของโรคหืดได้
เมล็ด ของส้มโอมีสรรพคุณ ช่วยบำรุงกระเพาะอาหารลดอาการปวดบวมของ
ผิวหนัง และยังช่วยลดปริมาณของเสมหะที่มีในลำคอไ้ด้อีกด้วย
ผล ช่วยเจริญอาหาร หากรับประทานเนื้อส้มโอหลังอาหาร จะช่วยให้ระบบย่อย
อาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

มะยม ( Star Gooseberry )

เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ให้รสเปรี้ยวอมฝาด ในผลมีแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ
และวิตามินซีสูง จึงมีฤทธิ์ในการ ช่วยสมานแผล และ ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้อาการหลอดลมอักเสบ
ในยอดอ่อนมีฟอสฟอรัส ช่วยในการขับเหงื่อ และกระตุ้นการเจริญอาหาร รากของมะยมมีสารแทนนิน
( Tannin ) อยู่ค่อนข้างสูง ใช้แก้ไข้ แก้อาการหอบหืด และปวดศรีษะ



มังคุด ( Mangosteen )

เป็นผลไม้ที่เนื้อในของผลมีรสเปรี้ยวอมหวาน กลมกล่อมและได้รับการยกย่อง
ให้เ็ป็นราชินีของผลไม้ทั้งปวง เนื่องจากมีกลีบรองดอกติดอยู่ที่ขั้วคล้ายมงกุฏราชินี ทั้งในเปลือก
มังคุดยังมี สารแทนนิน และมี สารแมงโกสติน ( Mangostin ) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ที่ทำให้เกิดหนอง อยู่มากถึง 7 - 14 เปอร์เซ็นต์

ในแง่สมุนไพร เปลือกมังคุดจึงมีสรรพคุณในการใ้ช้รักษาโรคผิวหนัง และนิยมนำไป
สกัดทำเป็นสบู่ ครีมพอกหน้า และยารักษาสิวฝ้าได้อีกด้วย


มะขาม (Tamarind )

นับได้ว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่คนไทยรู้จักมาช้านาน อีกทั้งเราสามารถนำส่วนต่างๆ
ของมะขามมาใช้ประโยชน์ในการรักษาได้แทบทั้งสิ้น เช่น ในเนื้อมะขามมี สารแอนทราควิโนน
(Anthraquinone ) ซึ่งจะช่วยให้ประำจำเดือนมาเป็นปกติ นอกจากนั้น ยังมีกรดอินทรีย์
( Oragnic acid ) อยู่หลายชนิด เช่น กรดทาร์ทาริก ( Tartaric acid ) และกรดซิตริก ( Citric acid )
ทำให้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ เพิ่มกากใยอาหารและช่วยหล่อลื่นให้ขับถ่ายสะดวก



ทับทิม ( Pomegranate )

ในภัมภีร์อายุรเวทของอินเดีย ยกย่องให้ทับทิมเป็นคลังยา เพราะ ส่วนต่างๆ ของทับทิม
สามารถนำมาใช้รักษาโรคได้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ผล ซึงมีรสหวานอมเปรี้ยวออกฤทธิ์เป็น
ยาบำรุงกำลัง แก้เจ็บคอ แก้โลหิตจาง ห้ามเลือด รักษาแผล แก้อาการปวดกระเพาะอาหาร
ขับพยาธิในลำไส้ แก้ท้องร่วง เป็นต้น

นอกจากนั้น ในเปลือกผลแก่ ของทับทิมยังมีกรด Gallotannic ซึ่งมีฤทธิ์ในการ
ยับยั้่งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แก้อาการท้องเดินได้ ซึงกองวิจัยทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์
การแพทย์ได้วิเคราะห์ไว้แล้วว่าไม่มีพิษเฉียบพลัน ทั้งยังสามารถใช้รักษาโรคบิดที่เกิดจากแบคทีเรีย
และอะมีบา ได้ผลดีอีกด้วย


มะขามป้อม ( Emblic )

เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยาที่เราสามารถหาได้ใกล้ๆ ตัว
นอกเหนือจากจะมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 20 เ่ท่า ในปริมาณที่เท่ากันแล้ว มะขามป้อมยังมีฤทธิ์เป็นยาเย็น
ใช้เป็นยาลดไข้ ยาฟอกเลือด ยาระบาย บำรุงหัวใจ ใช้ขับปัสสาวะ และแก้ริดสีดวง ได้อีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น